"lang" { "Language" "thai" "Tokens" { "npc_dota_hero_antimage_bio" "นักบวชแห่งเตอร์สตาร์กุรีจ้องมองผู้บุกรุกระลอกแล้วระลอกเล่ากำลังโจมตีอาณาจักรที่อยู่ด้านล่างจากอารามที่อยู่บนหุบเขาอันทุรกันดารของพวกเขา การบำเพ็ญตนอย่างเคร่งครัดในอารามอันไกลโพ้นและยากที่จะเข้าถึงทำให้พวกเขาอยู่ห่างจากความวุ่นวายทางโลกและห่อหุ้มตนเองด้วยการทำสมาธิที่ทำให้ไร้การคะนึงถึงพระเจ้าหรือธาตุแห่งเวทมนตรา จนกระทั่งกองทหารแห่ง Dead God ได้มาถึง เหล่านักรบศักดิ์สิทธิ์ที่มาพร้อมคำสั่งชั่วร้ายเพื่อให้เปลี่ยนการเคารพบูชาของชาวพื้นเมืองไปสู่หลักการแห่งความว่างเปล่าที่เป็นดั่งพิษร้ายของจ้าวแห่งความตาย จากภูมิประเทศที่มีแต่เลือดและสงครามมาเป็นเวลาหลายพันปี พวกมันฉีกกระชากวิญญาณและกระดูกของเหล่าทหารแห่งความตายและโยนมันใส่เหล่าผู้นับถือเตอร์สตาร์กุรี อารามยืนหยัดต่อสู้อย่างยากลำบากเป็นเวลาสองอาทิตย์และพวกนักบวชไม่กี่คนที่ตื่นจากการเข้าสมาธิเชื่อว่าผู้บุกรุกเป็นเพียงจินตนาการชั่วร้ายที่มารบกวนการเข้าสมาธิ พวกเขาถูกสังหารบนเบาะไหมพรมของตนเอง มีผู้รอดชีวิตวัยเยาว์แค่เพียงคนเดียว นักแสวงบุญที่มาทำหน้าที่คอยช่วยเหล่านักบวชเพียงแต่ยังไม่ได้รับการยอมรับให้เป็นสมาชิกของอาราม เขาจ้องมองด้วยความหวาดกลัวหวาดกลัวเมื่อได้เห็นนักบวชที่เขาทำหน้าที่รับใช้คอยเติมน้ำชาและตำแยให้ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม แล้วถูกปลูกให้ฟื้นขึ้นมาเพื่อรับใช้ Dead God เขาหอบคัมภีร์ศึกษาหลักคำสอนของ เตอร์สตาร์กุรีที่มีค่าซึ่งเหลือเพียงไม่กี่เล่ม เล็ดลอดหนีไปยังดินแดนอื่นที่ปลอดภัย พร้อมกับคำสาบานที่ไม่เพียงจะกวาดล้างเหล่านักเวทของ Dead God แต่รวมไปถึงการทำให้เวทมนตร์ทั้งหลายถึงจุดจบในคราเดียวกัน" "npc_dota_hero_queenofpain_bio" "สังฆราชาแห่ง Elze ผู้ปรารถนาความเจ็บปวด ความเจ็บปวดอันเป็นสิ่งต้องห้าม ด้วยฐานะทางการเมืองที่ไม่โดดเด่น ความปรารถนาของเขาเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน แต่ถ้าในฐานะผู้นำสูงสุด การสนองกิเลสของตัวเองย่อมทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของราชบัลลังก์จนหมดสิ้น ดังนั้นเขาจึงเข้าไปในคุกใต้ดินที่เต็มไปด้วยผู้รู้อสุรศาสตร์ และประกาศจะให้อิสรภาพแก่ผู้ที่สามารถอัญเชิญอสูรสาวแห่งการทรมาน และควบคุมให้มันอยู่ใต้อำนาจของเขาโดยสมบูรณ์ อสูรที่ปรากฏตัวมีนามว่า Akasha ซึ่งมาพร้อมกับความเจ็บปวดอันน่าหลงใหล สังฆราชถึงกับยกตำแหน่งราชินีให้อย่างลับๆ ราชาไปหาเธอทุกครั้งที่มีเวลาเพื่อรับการทรมานจากปีศาจ จนในที่สุดเขาถึงกับสละราชบัลลังก์เพื่อเสพความเจ็บปวดสุดหฤหรรษ์ที่มีเพียงเธอเท่านั้นที่สามารถให้ได้ Queen of Pain สามารถพาเขาไปสู่ห้วงแห่งความตายได้เพียงแต่เนื่องด้วยพันธสัญญาที่ว่าเธอต้องรักษาชีวิตทำให้ไม่สามารถทำได้ จนในที่สุดความไม่ใส่ใจของกษัตริย์ทำให้เกิดกบฏขึ้น ราชาถูกพาตัวออกจากวังและโยนลงมาจากหอคอยแห่งการภาวนา และในห้วงความตายนั้นเอง Queen of Pain ก็ได้เป็นอิสระจากการตกเป็นทาสรับใช้ อิสระที่จะทรมานทุกคนที่เธอได้พานพบเจอ" "npc_dota_hero_lina_bio" "การแข่งขันระหว่างพี่น้องของ Lina the Slayer กับน้องสาวของเธอ Rylai the Crystal Maiden เคยเป็นตำนานในดินแดนอันอบอุ่นที่ซึ่งพวกเธอใช้เวลาในวัยเด็กโต้เถียงกัน Lina มักจะได้เปรียบเสมอสำหรับ Crystal ที่ใสซื่อและบริสุทธิ์ นิสัยใจร้อนของ Lina ยิ่งรุนแรงมากขึ้นพร้อมกับความฉลาดแกมโกงของเธอ พ่อแม่ผู้เกรี้ยวกราดของคู่อริน้อยนี้ต้องสร้างบ้านใหม่มากกว่าครึ่งโหลแล้ว หลังจากถูกไฟไหม้ แล้วก็ถูกแช่แข็ง สลับกันไป จนพวกเขารู้ว่ามันจะเป็นการดีหากแยกเด็กทั้งสองออกจากกัน ในฐานะพี่คนโต Lina ถูกส่งไปอยู่ทางใต้กับป้าผู้อดทนในทะเลทรายอันร้อนระอุแห่ง Misrule ซึ่งแน่นอนว่าสะดวกสบายสำหรับ Slayer ผู้ร้อนแรง การมาถึงของเธอดึงดูดชนพื้นเมืองผู้หงอยเหงาเป็นอย่างมาก หลายคนที่อยากจะเป็นคู่ของเธอถูกไฟลวกนิ้ว หรือไม่ก็เผ่นหนีไปพร้อมกับคิ้วที่ไหม้เกรียม ไม่มีชายใดคู่ควรกับเธอ Lina มั่นใจและภูมิใจในตัวเองว่าไม่มีสิ่งใดมาดับไฟของเธอได้" "npc_dota_hero_mirana_bio" "Mirana เป็นองค์หญิงรัชทายาทแห่งราชวงศ์ Solar แต่ตัวเธอเองกลับสละชื่อเสียง และปฏิเสธการสืบทอดบัลลังค์ เพื่ออุทิศตนรับใช้ Salamene เทพธิดาแห่งดวงจันทร์ เธอจึงได้รับการขนานนามว่าเป็นเจ้าหญิงแห่งดวงจันทร์นับตั้งแต่นั้นมา Mirana ได้รับหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ป่า Nightsilver คอยค้นหาผู้ที่กล้าเข้ามารุกล้ำและขโมยดอกบัวศักดิ์สิทธิ์จากบ่อน้ำสีเงินของเทพธิดา เธอขี่อยู่บนแมวยักษ์ที่เป็นผู้รับใช้ของเธอ มันทั้งเย่อหยิ่ง ภาคภูมิ และไร้ซึ่งความหวาดกลัว มันสามารถพาเธอไปยังอีกฟากหนึ่งของดวงจันทร์ ท่ามกลางวงโคจรแห่งหมู่ดาว หัวลูกศรคมกริบที่หลอมจากแร่จันทรานั้นอาศัยพลังแห่งดวงจันทร์เพื่อแผลงศรแห่งแสงนั้นออกไป " "npc_dota_hero_life_stealer_bio" "ณ คุกใต้ดินแห่ง Devarque พ่อมดผู้เปี่ยมไปด้วยความอาฆาตแค้นและถูกขังอยู่นั้นกำลังวางแผนการที่จะหลบหนี เขาอยู่ในคุกร่วมกับสัตว์ประหลาดที่พูดไม่รู้เรื่องซึ่งผู้คนรู้จักกันในนามว่า N'aix ผู้ซึ่งเป็นโจรที่ถูกสาปโดยสภาอันชั่วร้ายให้มีช่วงชีวิตที่ยืนยาวเพื่อที่จะทำให้โทษจำคุกตลอดชีวิตจากการขโมยและหลอกลวงนั้นสาสมถึงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ตลอดเวลาหลายปี โซ่ที่ตรวนมันไว้นั้นสึกกร่อนเช่นเดียวกับภาวะจิตใจของมัน N'aix ไม่มีความจำของชีวิตก่อนหน้านี้หลงเหลืออยู่และไม่มีความคิดที่จะหลบหนีอีกต่อไป

พ่อมดซึ่งเห็นว่ามันเป็นองค์ประกอบที่สมบูรณ์แบบต่อแผนการของเขา ได้ร่ายมนตร์สิงร่าง และนำพาพลังชีวิตของเขาสิงเข้าไปในร่างกายของ N'aix โดยมีความตั้งใจที่จะบีบบังคับ N'aix ให้เสียสละตัวของมันเองไปกับความบ้าคลั่งและความรุนแรงในระหว่างที่พ่อมดนั้นกลับไปยังร่างของตนเองและย่องออกไปโดยที่ไม่มีใครรู้ แต่แทนที่จะเป็นอย่างนั้น พ่อมดกลับพบว่าจิตใจของเขานั้นติดอยู่ในวังวนแห่งความบ้าคลั่งที่ทรงพลังมากจนทำให้แผนการของเขาหลุดลอยไปและยังบดขยี้ความมุ่งมั่นของเขาอีกด้วย N'aix สะดุ้งตื่นและได้สติขึ้นมาจากการที่ได้กลืนกินชีวิตอันแสนสดใหม่โดยฉับพลัน มันได้ตื่นขึ้นจากฝันร้ายและความบ้าคลั่งของมัน มันเชื่อฟังเสียงของวิญญาณที่ดังก้องอยู่ในหัวของมันเพียงความคิดเดียว นั่นก็คือ การหลบหนี

ในขณะนั้นเอง Lifestealer ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา สัตว์ประหลาดตนนี้ได้นำพาจิตใจของมันสิงเข้าไปในยามเฝ้าคุกใต้ดินและทหารหลายนาย เพื่อที่จะบีบบังคับให้พวกเขาปลดล็อกกุญแจและสังหารเพื่อน ๆ ของพวกเขาเอง เป็นการเปิดทางสู่อิสระภาพซึ่งไร้สิ่งกีดขวางใด ๆ และในขณะเดียวกันก็ยังสามารถที่จะกัดกินและลิ้มรสวิญญาณของพวกเขาอีกด้วย Lifestealer ยังคงสวมเครื่องพันธนาการอยู่ เพื่อเป็นการเตือนว่าไม่มีใครที่จะหยุดยั้งเขาได้ แต่ที่อยู่ในตัวเขานั่นก็คือนักโทษที่ไม่สามารถออกมาได้ จิตใจทั้งสองซึ่งอาศัยอยู่ในร่าง ๆ เดียว สัตว์ประหลาดไร้นามอันชั่วร้ายที่คล่องแคล่วและเจ้านายซึ่งเป็นเสียงที่สัตว์ประหลาดตนนี้เสแสร้งว่ากำลังเชื่อฟังอยู่" "npc_dota_hero_furion_bio" "เมื่อ Verodicia เทพธิดาแห่งป่าไม้ได้เสร็จสิ้นการดำเนินการสร้างพื้นป่าให้เขียวขจีด้วยเมล็ดที่มีจิตวิญญาณ และรดนํ้าจากส่วนลึกของซอกหินแสงอาทิตย์ที่สาดส่องด้วยความสนใจกับสิ่งที่กำลังจะเติบโตขึ้น เธอได้ตระหนักว่าเวลาของตนกำลังจะถึงจุดสิ้นสุด แต่กระนั้นเธอก็ยังไม่สามารถละทิ้งจากโลกแห่งนี้ได้เนื่องจากเธอยังกังวล ไม่อาจจะจากไปอย่างสงบได้ถ้าความฝันของเธอยังไม่บรรลุนั้นก็คือเห็นเมล็ดพันธุ์ที่เธอหว่านลงได้แทรกตัวขึ้นมาผ่านผิวดิน เธอพบเมล็ดสุดท้ายที่ยังไม่ได้หว่านอยู่ในกระเป๋าของเธอ เธอกล่าววาจาเพียงคำเดียวกับเมล็ดนั้นและเธอก็กลืนกินมันลงไป ร่างกายที่ยิ่งใหญ่ของเธอค่อยๆย่อยสลายนานตลอดฤดูหนาวกลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่มอบอาหารให้กับต้นกล้าให้ฤดูใบไม้ผลิ และในตอนเช้าของฤดูใบไม้ผลิก่อนส่วนที่เหลือของป่าได้เริ่มตื่นขึ้น เมล็ดพันธุ์สุดท้ายได้แตกออก Nature's Prophet ก้าวออกมากับพร้อมกับความเฉลียวฉลาด แข็งแกร่งและพลังของเทพธิดาแห่งป่าไม้ Verodicia คาดหวังให้ Nature's Prophet ผู้ซึ่งได้รับพลังอันยิ่งใหญ่จากเธอปกป้องพื้นป่าที่เขียวชอุ่มและผู้โชคดีพอที่จะได้เขาเป็นพันธมิตร" "npc_dota_hero_windrunner_bio" "ป่าตะวันตกปกป้องความลับของมันได้เป็นอย่างดี หนึ่งในนั้นคือ Lyralei นักธนูมือฉมังแห่งผืนป่าและธิดาอันเป็นที่รักของเทพแห่งสายลม หรือที่รู้จักกันในนาม Windranger ครอบครัวของ Lyralei ถูกฆ่าท่ามกลางพายุในคืนที่เธอเกิด บ้านของเธอถูกพายุพัดพังลง ข้าวของกระจัดกระจายไปตามสายลม มีเพียงทารกที่รอดตายท่ามกลางซากปรักหักพังและร่องรอยการทำลายล้าง ท่ามกลางความสงบหลังพายุนั้นเอง สายลมพบเด็กทารกผู้โชคดีร้องไห้อยู่ในพงหญ้า สายลมนึกสงสารเด็กน้อยจึงพัดพาตัวเธอขึ้นสู่ท้องฟ้าไปส่งยังหน้าประตูบ้านในหมู่บ้านใกล้เคียง หลายปีต่อมา สายลมหวนกลับมาเยี่ยมเด็กน้อยเป็นครั้งคราว เฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ ขณะที่เธอฝึกฝน บัดนี้ หลังจากการฝึกผ่านไปหลายปี Windranger ยิงลูกธนูเข้าเป้าอย่างแม่นยำ เธอเคลื่อนไหวด้วยความเร็วชั่วพริบตา เหมือนดังมีสายลมคอยหนุนหลัง เธอสังหารศัตรูด้วยด้วยแรงลมจากลูกธนูของเธอและได้กลายเป็นผู้ปกป้องธรรมชาติ" "npc_dota_hero_lion_bio" "ครั้งหนึ่ง จอมเวทแห่งมนต์มารโบราณ Lion ผู้ได้รับการยกย่องจากเหล่าผู้ติดตามจากการสู้รบเพื่อแสงสว่างและความถูกต้อง แต่เมื่อเขาหลงใหลในคำชื่นชม ด้วยพลังอำนาจที่ด้อยกว่าแค่เพียงจุดมุ่งหมายของเขา นักเวทถูกอสูรล่อลวงและเปลี่ยนเป็นปีศาจร้ายโดยแลกวิญญาณของตนกับชื่อเสียง เขาได้ทำผิดมหันต์อย่างร้ายแรงจนดวงวิญญาณแปดเปื้อนและถูกเนรเทศ จากนั้นอสูรได้หักหลังและช่วยเหลือศัตรูของเขา ความโกรธของ Lion ชักนำให้เขาติดตามปีศาจนั้นลงไปถึงนรกและสังหารมันอย่างโหดเหี้ยม ฉีกร่างปีศาจนั้นออกเป็นชิ้น ๆ และยึดมือของอสูรมา อย่างไรก็ตาม การกระทำดุจปีศาจร้ายทำให้เกิดผลกระทบตามมา ร่างกายของ Lion เปลี่ยนไป ร่างกายของเขาเปลี่ยนไปจนไม่เหมือนสิ่งใด เขาขึ้นมาจากนรกพร้อมกับความเกรี้ยวกราดที่ฝังอยู่ในร่าง สังหารแม้คนที่ครั้งหนึ่งเคยเรียกเขาว่าอาจารย์ และทิ้งเศษซากไว้บนดินแดนที่เขาเคยหลงใหล เขามีชีวิตอยู่ในฐานะผู้สืบทอดเพียงผู้เดียวของศาสตร์แห่งมนต์มาร และนักบวช ผู้ฝึกตน หรือใครก็ตามมาฝากตนเป็นศิษย์ล้วนสูญเสียพลังเวทจนหมดเพียงชั่วขณะที่สายลมพัดผ่าน" "npc_dota_hero_vengefulspirit_bio" "แม้แต่ Skywrath ที่รู้จักประมาณตนมากที่สุดก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่นับว่าใจร้อนมาก มองหาทางเอาคืนแม้จะเป็นการด่าเพียงแค่เล็กน้อยก็ตาม แต่ Vengeful Spirit เป็นเหมือนแก่นแท้ของความเคียดแค้น หนึ่งในผู้สืบเชื้อสาย Skywrath ที่ดุร้ายและน่าภาคภูมิใจมากที่สุดในอดีต Shendelzare เป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ในลำดับถัดไปของ Ghastly Eyrie จนกระทั่งการทรยศก่อรัฐประหารของน้องสาวของเธอได้พรากเอาสิทธิ์ที่พึงมีแต่กำเนิดของเธอไป Shendelzare ได้หลุดรอดมาจากตาข่ายของมือสังหารออกมาได้โดยแลกกับปีกของเธอ จนต้องลงไปเดินอยู่บนผืนดิน จากออกไปอย่างน่าอับอายที่สุด เธอรู้ว่าด้วยปีกที่หักไปแล้วของเธอ เธอจะไม่มีวันได้รับการยอมรับกลับไปเป็นผู้นำของ Skywrath และกลับไปที่ยอดกิ่งสูงสุดของ Eyrie ได้อีกต่อไป น้องสาวของเธอได้อาศัยอยู่ในที่ที่ผู้ที่โบยบินได้เท่านั้นที่จะเอี้อมถึง ด้วยความไม่ยินยอมที่จะใช้ชีวิตอย่างผู้พ่ายแพ้และพิการปีก ด้วยความกระหายการแก้แค้นยิ่งกว่าอำนาจใดๆในโลก เจ้าหญิงผู้ร่วงหล่นได้แลกเปลี่ยนกับเทพธิดา Scree'Auk เธอได้สังเวยร่างกายที่เสียหายไปแล้วของเธอ แลกกับร่างพลังงานที่ไม่มีวันสูญสลายที่ขับเคลื่อนด้วยความเคียดแค้น ซึ่งสามารถสร้างความเสียหายใหญ่หลวงในโลกในทางกายภาพได้ เธออาจไม่มีวันบินได้อีก แต่สักวันเธอจะได้ล้างแค้น" "npc_dota_hero_witch_doctor_bio" "เงาสายหนึ่งมุ่งตรงไปข้างหน้า ไม่ปรากฏแขนขาบนเงานั้น เงานั้นเคลื่อนที่อย่างแปลกประหลาดและไม่รั้งรอที่ท่องไปทั่วสมรภูมิพร้อมกับมองหาจุดอ่อนที่ความสามารถของเขาจะส่งผลได้ดีที่สุดและอันตรายที่สุด ไม่แน่ว่าจะแตกหักหรือถูกสร้างมาผิดรูปเช่นนั้น แต่ก็ไม่มีใครสงสัยในพลังที่แฝงอยู่ในร่างอันบิดเบี้ยว ไม้เท้ายาวค้ำพื้นทุกย่างก้าวที่ Zharvakko the Witch Doctor ก้าวผ่าน จัดวางอาวุธต้องสาปอันน่าสะพรึงกลัว จากนั้นจึงปลุกเสกและร่ายมนตร์ มันคือร่างแห่งเวทมนตร์ที่สั่งสมมาหลายชั่วอายุบนเกาะที่ราบสูงแห่ง Arktura ซึ่งบัดนี้จู่โจมด้วยความแม่นยำฉับไวมุ่งสู่ศัตรูของเขา Zharvakko เป็นได้ทั้งเพื่อนที่ดีที่สุดและศัตรูที่ร้ายกาจที่สุด รักษาหมู่มิตรและสร้างความสูญเสียแก่ทุกคนที่กล้าต่อกรกับเขา" "npc_dota_hero_leshrac_bio" "Leshrac, Tormented Soul คือส่วนหนึ่งของแก่นกลางแห่งธรรมชาติ สิ่งโปร่งแสงที่อยู่กึ่งกลางระหว่างการมีและไม่มีตัวตน เขารู้แจ้งถึงห้วงแห่งความเจ็บปวดของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้เสาะหาความหมายของการดำรงอยู่ เขาได้ตรวจสอบความล้ำลึกของธรรมชาติโดยใช้ผลึกดวงตาแห่งเวลาต้องสาป และพบสิ่งลึกลับอันน่ารังเกียจซึ่งได้เปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดกาล บัดนี้ ก้นบึ้งอันดำมืดแห่งการรู้แจ้งของเขาแสดงออกมาด้วยการชายตามองอย่างยโสโอหัง เหมือนดั่งวัตถุธาตุอื่นๆ เขาเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติอย่างแท้จริง แต่ในกรณีของเขามันคือธรรมชาติอันบิดเบี้ยวและไม่น่าพิศมัย มีเพียงเขาที่เห็นสัจธรรมอันโหดร้ายแห่งความจริง และเพิกเฉยต่อผู้ที่เชื่อว่าจักรวาลจะมอบรางวัลให้กับผู้ที่ทำความดีเป็นการตอบแทน" "npc_dota_hero_juggernaut_bio" "ไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าภายใต้หน้ากากของ Yurnero the Juggernaut มีแต่เพียงเสียงเล่าลือว่ามีใบหน้าอยู่ใต้หน้ากากนั้น โทษฐานที่ไปลบหลู่เจ้าของเกาะผู้ฉ้อฉล Yurnero ถูกเนรเทศออกมาจากเกาะโบราณแห่งชนเผ่าหน้ากาก ซึ่งเป็นบทลงโทษที่ช่วยชีวิตเขาไว้ ต่อมาเกาะทั้งเกาะจมลงในคืนของมนตร์แห่งความแค้น เหลือเขาเพียงคนเดียวที่จะสืบทอดประเพณีของเกาะ Juggernaut อันยาวนาน ทั้งพิธีกรรมและเพลงดาบ ในฐานะผู้สืบทอดคนสุดท้าย ความมั่นใจและความกล้าของ Yurnero เป็นผลมาจากการฝึกฝนอันยาวนาน เพลงดาบแปลกใหม่ของเขาพิสูจน์ว่าเขาไม่เคยหยุดท้าทายตัวเองเลย การเคลื่อนไหวของเขาไม่อาจคาดเดาเช่นเดียวกับสีหน้า สำหรับฮีโร่ที่สูญเสียทุกสิ่งมาสองครั้งสองครา เขาสู้ราวกับชัยชนะจะเป็นบทสรุปของทุกสิ่ง" "npc_dota_hero_pudge_bio" "ท่ามกลางอาณาเขตแห่งความโหดร้ายที่ไม่มีวันจบ ห่างไปทางใต้ของ Quoidge ร่างอวบอ้วนทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยตลอดทั้งคืน แยกแขนขา ชำแหละเครื่องใน สุมชิ้นส่วนและอวัยวะของคนตายกองขึ้นเหมือนจะทำให้สนามรบสะอาดก่อนรุ่งสาง ในดินแดนต้องสาปนี้ไม่มีสิ่งใดเน่าเปื่อยผุพัง ซากศพจะไม่ย่อยสลายลงสู่พื้นดิน เป็นเช่นนี้ไม่ว่าจะขุดสุสานลงไปลึกเท่าใดก็ตาม ฝูงแร้งรุมล้อมรอบตัวเพื่อหวังจะให้เขาหั่นเศษเนื้อให้พอดีจะงอยปากของพวกมัน Pudge the Butcher ลับคมมีดของเขาที่ดูจะคมขึ้นทุกครั้งที่เขาใช้มัน ฉับ ฉับ ตุบ เนื้อหลุดออกจากกระดูก กระดูกอ่อนและเส้นเอ็นหลุดออกเหมือนกระดาษเปียก ๆ ในขณะที่เขาดื่มด่ำกับการชำแหละ เขาได้รู้จักรสชาติของสิ่งที่ติดมาด้วย เริ่มจากเศษกล้ามเนื้อตรงนี้ ชิมเลือดตรงนั้น ไม่นานนักเขาก็ขย้ำเขี้ยวลงไปกลางอกตรงส่วนที่แข็งที่สุดเหมือนกับสุนัขแทะผ้าขี้ริ้วเปื่อย ๆ แม้แต่คนที่ไม่กลัวมัจจุราชยังกลัว Butcher" "npc_dota_hero_bane_bio" "เมื่อเหล่าเทพฝันร้าย มันคือ Bane Elemental ที่นำพาฝันร้ายมาให้ หรือรู้จักกันดีในชื่อ Atropos Bane เกิดจากความหวาดกลัวในยามค่ำคืนของเทพธิดา Nyctasha ความหวาดกลัวนั้นทรงพลังเกินกว่าจะกักเก็บไว้เมื่อยามหลับ มันออกมาจากฝันร้ายของเธอ สูบความเป็นอมตะของเธอ และเลียนแบบรูปร่างเหมือนหมอกควันจากเลือดสีดำของเธอ เขาคือแก่นแท้แห่งความกลัว มนุษย์ได้ยินเสียงของเขาดั่งเสียงแห่งความลับดำมืดในใจมากระซิบอยู่ข้างหู เขาปลุกความหวาดกลัวจากก้นบึ้งของจิตใจผู้กล้าทุกคน การตื่นไม่อาจป้องกันได้ เลือดสีดำของ Bane ที่หยดลงคือกับดักจับศัตรูของเขาสู่ห้วงฝันร้าย เมื่อ Bane ปรากฏกาย ผู้กล้าทุกคนจะเรียนรู้ที่จะกลัวความมืด" "npc_dota_hero_earthshaker_bio" "เหมือนกับโกเลมหรือการ์กอยล์ ครั้งหนึ่ง Earthshaker เคยเป็นหนึ่งเดียวกันกับพื้นดิน แต่บัดนี้เขาก้าวเดินบนพื้นดินได้ เขาสร้างตัวตนขึ้นมาด้วยความตั้งใจและไม่รับใช้ผู้ใดโดยไม่เหมือนคนอื่น ๆ ในห้วงนิทราอันยาวนานภายใต้รอยต่อของชั้นหิน เขารู้สึกถึงชีวิตที่เคลื่อนไหวอยู่เบื้องบน เขาเริ่มสงสัย

ท่ามกลางฤดูของแผ่นดินไหว ยอดเขาของ Nishai สั่นไหวทำให้เกิดหิมะถล่ม เปลี่ยนทางไหลของแม่น้ำและทำให้หุบเขาตื้น ๆ กลายเป็นหุบเหวไร้ก้นบึ้ง เมื่อแผ่นดินหยุดสั่นไหว Earthshaker ก็ก้าวออกมาจากฝุ่นควันที่สงบลง เขาโยนกองหินไปข้างตัวเหมือนโยนผ้าห่มผืนบาง

เขาเปลี่ยนรูปร่างของเขาเป็นสัตว์ร้าย และตั้งชื่อตัวเองว่า Raigor Stonehoof บัดนี้เขามีเลือดเนื้อ มีลมหายใจและตายได้ แต่จิตวิญญาณของเขายังคงเป็นหนึ่งเดียวกับผืนดิน เขาฝากพลังของผืนดินไว้ในเสาเวทมนตร์ที่เก็บไว้ไม่เคยห่างกาย เมื่อถึงวันที่เขากลับเป็นฝุ่นธุลี ผืนพสุธาจะต้อนรับเขาดั่งลูกชายคนโปรด" "npc_dota_hero_sand_king_bio" "ผืนทรายแห่งทุ่งร้าง Scintillant นั้นมีชีวิตและมีความรู้สึก ทะเลทรายสุดลูกหูลูกตาพูดกับตัวเองและครุ่นคิดถึงแต่การให้กำเนิด แต่เมื่อมีการเสนอย่อมมีการตอบสนอง ผืนทรายปลดปล่อยส่วนหนึ่งของตัวมัน และกรอกลงไปในเกราะวิเศษที่สร้างโดย Djinn of Qaldin ผู้ชาญฉลาด สิ่งนี้เรียกตัวเองว่า Crixalis ซึ่งหมายถึง 'วิญญาณแห่งทราย' แต่คนอื่นๆรู้จักสิ่งนี้ในนามของราชาแห่งผืนทราย Sandking มีรูปร่างคล้ายแมงป่องยักษ์ ซึ่งลอกเลียนมาจากผู้อาศัยอยู่ทั่วไปในทุ่งร้างอันส่องประกาย และรูปร่างนี้แสดงถึงธรรมชาติอันดุร้ายของเขา ผู้พิทักษ์ นักรบ และทูต Sandking เป็นทั้งสามสิ่งนี้ ไม่อาจถูกแยกจากทะเลทรายเวิ้งว้างอันให้กำเนิดเขาได้" "npc_dota_hero_nevermore_bio" "ว่ากันว่า Nevermore the Shadow Fiend นั้นได้กักเก็บวิญญาณของนักกวีไว้หนึ่งดวง แต่จริงๆแล้วมีวิญญาณที่ถูกเขากักเก็บไว้เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น นักกวี นักบวช จักรพรรดิ์ ขอทาน ทาส นักปรัชญา อาชญากร ไม่เว้นแม้แต่ฮีโร่ ไม่มีดวงวิญญาณใดที่จะหนีไปจากเขาได้ ไม่มีใครรู้ว่าเขาทำอะไรกับดวงวิญญาณเหล่านั้น ไม่มีผู้ใดที่ถูกดึงลงไปแล้วสามารถหนีรอดออกมาได้อีก เขากลืนกินดวงวิญญาณเหล่านั้นไป? หรือนำดวงวิญญาณเหล่านั้นไปจัดแสดงไว้ในโบสถ์ที่แสนน่ากลัวของเขา? หรือว่านำวิญญาณเหล่านั้นไปดองในนํ้าเกลือ? หลายๆคนอาจจะคิดว่าเขาอาจจะเป็นเพียงแค่หุ่นเชิดที่ทำงานให้กับปีศาจที่ชั่วร้ายที่คอยสั่งงานเขาอยู่ในห้วงมิติอื่น อย่างไรก็ตามเขามีจิตวิญญาณที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายฟุ้งรอบตัวเขาซึ่งจะแทรกซึมไปทั่วทุกที่ และแน่นอนว่าถ้าหากคุณอยากจะรู้จริงๆว่าดวงวิญญาณที่ถูกเขาขโมยนั้นไปอยู่ที่ไหนมันก็มีหนทางเดียวจะสามารถค้นหาคำตอบนี้ได้ นั้นก็คือเพิ่มวิญญาณของคุณลงไปในคอลเลคชั่นของเขาเท่านั้น หรือเพียงแค่รอให้ Nevermore ปรากฏต่อหน้าคุณ" "npc_dota_hero_sven_bio" "Sven เป็นลูกกำพร้าของอัศวินแห่ง Vigil บุตรแห่ง Pallid Meranth ผู้ถูกเลี้ยงดูขึ้นมาท่ามกลางซากปรักหักพังของเมือง Shadeshore พ่อของเขาถูกตัดสินประหารเนื่องจากฝ่าฝืนกฎแห่ง Vigil และแม่ของเขาก็ถูกรังเกียจจากชาติพันธ์อันป่าเถื่อน Sven เชื่อว่าเกียรติยศคือสิ่งที่ไม่อาจหาได้จากระเบียบของสังคม--แต่ต้องค้นพบด้วยตัวเขาเอง หลังจากดูแลแม่ผู้ทนทรมานจนเมื่อเธอถึงแก่กรรม เขาได้สมัครเป็นนักรบฝึกหัดอัศวินแห่ง Vigil โดยไม่เปิดเผยที่มาของเขา สิบสามปีที่เขาเรียนในโรงเรียนเดียวกับพ่อ แม่นยำในกฏที่ทำให้ตัวตนของเขาเป็นที่น่ารังเกียจ จากนั้น ในวันที่เขาควรจะเข้าสาบานตน เขากลับยึดดาบ Outcast Blade ของผู้ถูกขับไสบุกพังห้องโถงศักดิ์สิทธิ์และเผากฎบัญญัติในไฟศักดิ์สิทธิ์แห่ง Vigil เขาก้าวออกจากคุกแห่ง Vigil ออกมาอยู่ลำพัง เดินตามความเชื่อของตัวเขาเองจนถึงที่สุด และยังคงเป็นอัศวิน ใช่...เพียงแต่เป็นอัศวินเถื่อน เขารับฟังแต่ตนเองเท่านั้น" "npc_dota_hero_phantom_assassin_bio" "ระหว่างขั้นตอนการทำนายโชคชะตา เด็กๆ จะถูกเลือกมาเพื่อเลี้ยงดูโดยเหล่าสตรีผู้ปิดบังใบหน้า Sisters of the Veil โดยถูกสั่งสอนให้ลอบสังหารซึ่งถือว่าเป็นกฎของธรรมชาติ เหล่าสตรีผู้ปิดบังใบหน้าจะระบุเป้าหมายจากการเข้าฌานและคำทำนายของผู้หยั่งรู้ พวกเธอไม่รับงานอื่นใดและไม่เคยสนใจเป้าหมายทางการเมืองหรือการเป็นทหารรับจ้าง โดยมากมักจะเป็นการสุ่มเลือก ไม่ว่าจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ โด่งดัง ก็ถูกฆ่าไม่ต่างไปจากกรรมกรหรือคนขุดบ่อน้ำ ไม่ว่ารูปแบบการฆ่าจะเป็นอย่างไร มีเพียงพวกเธอเท่านั้นที่รู้ พวกเธอปฏิบัติกับเหยื่อดั่งเครื่องสังเวย และความตายในมือของพวกเธอถือเป็นเกียรติ Phantom Assassin ทุกคนสามารถแทนที่อีกคนได้ ไม่ทราบแน่ชัดว่าพวกเธอมีกันกี่คน อาจจะมากหรือน้อยก็ได้ ไม่มีใครรู้ว่าภายใต้ผ้าบังหน้าของ Phantom คืออะไร ยกเว้นเรื่องเดียว เนิ่นนานมาแล้ว เมื่อไม่มีใครอยู่ใกล้พอที่จะได้ยิน เสียงนั้นจะกระซิบโบกผ่านผ้าบังหน้าเพื่อบอกชื่อต้องห้ามของเธอ: Mortred" "npc_dota_hero_skeleton_king_bio" "เวลานานหลายปีนับไม่ถ้วน กษัตริย์ Ostarion ได้สร้างอาณาจักรจากซากของศัตรูของเขา มันเป็นงานที่เขาหมกหมุ่นในการสร้างมันให้ยิ่งใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ และทำมายาวนานนับนิรันดร์ไม่มีวันจบสิ้น ด้วยความเชื่อของเขาที่ว่า ยิ่งสร้างอาณาจักรและหอคอยให้สูงขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้เขาเป็นผู้ไม่มีวันตาย แต่เวลาล่วงเลย เขาได้เริ่มตระหนักว่าเขาคิดผิดมาตลอด ว่ากระดูกนั่นมีอายุพังทลายและพินาศลงได้ และด้วยความไม่ไว้วางใจในเลือดเนื้อ เขาจึงได้เสาะหาวิธีที่จะทำให้เขาเป็นอมตะอย่างแท้จริงถาวร เพื่อจะได้ขยายการครองราชย์อาณาจักรต่อไป จนท้ายสุดเขาก็ได้ค้นพบสิ่งที่เขาตามหา ด้วยพลังงานวิญญาณภูตผี ซึ่งออกจากร่างของความตายในด้านมืด และเป็นรูปแบบของจิตวิญญาณไร้สิ่งอื่นเจือปน เขาจำต้องอาบแช่พลังเจตภูตจากวิญญาณภูตผี เขาคิดว่าเขาอาจจะสามารถสร้างร่างกายที่เป็น แสง และนิรันดร์ในแบบอัตตาของเขา ได้เพียงคืนๆหนึ่งในช่วงสหัสวรรษ ในฤดูพันปีที่มีเพียงคืนหนึ่งที่เรียกราตรีแห่งเจตภูตว่า Wraith Night เขาได้นำตัวเองเข้าสู่พิธีกรรมในการเปลี่ยนสภาพ และบัญชาการให้เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่จงรักภักดี ออกไปเก็บเกี่ยววิญญาณจนมากพอที่จะ กระตุ้นความปรารถนาของเขาสำหรับความเป็นอมตะ ไม่มีใครรู้ว่าเขาต้องสูญเสียชีวิตของเหล่าองครักษ์ไปมากเพียงใด เพียงเพื่อให้ ชีวิตหนึ่งเดียวเป็นอมตะกลายเป็น ราชันย์แห่งเจตภูต ที่จะตื่นขึ้นพร้อมดวงอาทิตย์รุ่งอรุณ บัดนี้ กษัตริย์ในร่างใหม่ แทบไม่ได้ใช้เวลาของเขากกตัวอยู่แต่ในปราสาทของตนเพื่อคอยปกป้องบัลลังค์เรืองแสงแห่งวิญญาณของเขาอีกต่อไปแล้ว แต่ก้าวออกมาพร้อมกับดาบที่เรียกร้อง ความจงรักภักดี ที่ขยายไกลเกินกว่า ความตาย" "npc_dota_hero_drow_ranger_bio" "Drow Ranger มีชื่อว่า Traxax ชื่อที่เหมาะกับคนตัวเตี้ยท่าทางฉุนเฉียวมากกว่าดาร์คเอล์ฟผู้มืดมน แต่ Traxax ก็ไม่ได้เป็นดาร์คเอล์ฟ พ่อแม่ของเธอเป็นนักเดินทางในกองคาราวานที่ถูกกลุ่มโจรดักปล้น กลุ่มโจรที่ปล้นฆ่าผู้บริสุทธิ์กระตุ้นความโกรธของดาร์คเอล์ฟผู้สงบเงียบ

หลังจากการต่อสู้สงบลง ดาร์คเอล์ฟพบเด็กผู้หญิงถูกซ่อนอยู่ใต้ซากเกวียน และเห็นตรงกันว่าจะทิ้งเธอไว้อย่างนี้ไม่ได้ แม้จะยังเป็นเด็กแต่ Traxax ได้แสดงพรสวรรค์ของดาร์คเอล์ฟ การหายตัว พรางเสียง ไหวพริบ ถ้านับแค่จิตวิญญาณไม่ใช่ร่างกายเธอคงเป็นหนึ่งในผู้สืบเชื้อสายดาร์คเอล์ฟ เธอกลับบ้านเมื่อเธอโตขึ้น กลับไปพบญาติพี่น้องและรู้สึกว่าตัวเธออัปลักษณ์ ถึงแม้ว่าใบหน้าของเธอจะเรียบเนียนได้สัดส่วนปราศจากริ้วรอยหรือแผลเป็นอันใด

ด้วยความแปลกแยกจากเผ่าพันธุ์ที่เลี้ยงดูเธอมา เธอแยกตัวออกไปในป่าตามลำพัง บางครั้งนักท่องเที่ยวที่เคยหลงทางในป่าได้พูดถึงพรานสาวผู้งดงามอย่างไม่น่าเชื่อ ผู้ที่จ้องมองพวกเขาจากป่าลึกแล้วหายไปเหมือนดั่งความฝันก่อนที่พวกเขาจะตามทัน บอบบางและยากจะพบเจอ เร่าร้อนและเยือกเย็น เธอเคลื่อนไหวคล้ายหมอกในความเงียบ เสียงแผ่วเบาที่คุณได้ยินคือเสียงของศรเยือกแข็งที่ปักเข้าไปยังหัวใจของเหยื่อ" "npc_dota_hero_morphling_bio" "นับแต่ยุคมืดที่เหล่าดาวหางโคจรไปรอบ ๆ ตกเป็นบริวารของดวงอาทิตย์อันแสนไกล ถูกพันธการไว้ด้วยแรงดึงดูดที่ไร้ซึ่งหนทางขัดขืน ก้อนน้ำแข็งมหึมาก้อนหนึ่งเคลื่อนโคลงไปมาอย่างควบคุมไม่ได้ผ่านความมืดมิดระหว่างโลกต่าง ๆ ทำให้กลายเป็นสิ่งแปลกประหลาดด้วยการเดินทางสีทมิฬของมัน ในคื่นก่อนเกิดสงครามโบราณแห่ง Vloy มันได้พุ่งผ่านลงมาจากฟากฟ้า ส่องแสงอันเจิดจ้าตัดกับท้องฟ้ายามวิกาล ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ทั้งสองทัพถือเป็นลางบอกเหตุร้าย ก้อนน้ำแข็งหลอมละลายด้วยความร้อนที่ปะทุในชั่วพริบตา ขณะที่สองทัพพร้อมที่จะเข้าห้ำหั่นกัน ณ ริมฝั่งแม่น้ำแคบ ๆ ดังนั้นมันจึงถูกปลดปล่อยจากภาวะจำศีลเยือกแข็ง Morphling ถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้ง พลังของมันประกอบเป็นหนึ่งเดียวกับกระแสน้ำในมหาสมุทร ผันผวนและไร้ซึ่งขีดจำกัด มันเข้าสู่สนามรบ จำแลงกายเป็นแม่ทัพคนแรกผู้กล้าเหยียบก้าวแรกข้ามแม่น้ำด้วยสัญชาตญาณแล้วจัดการสังหารเขาเสีย ทันทีที่เหล่านักรบมากหน้าหลายตาเข้าโรมรัน มันก็เปลี่ยนแปลงรูปร่างของตนไปตามการต่อสู้ จากลักษณ์หนึ่งไปสู่ลักษณ์หนึ่ง ซึมซับวิถีทางและวิธีการของเหล่าสิ่งมีชีวิตประหลาดเหล่านี้ บัดนี้เป็นทหารเลว แปรเปลี่ยนเป็นพลธนู แล้วแปลงกายเป็นทหารม้า จนเมื่อทหารคนสุดท้ายล้มลง Morphling ก็ได้แสดงทุกบทบาทแล้ว จุดจบของสงครามเป็นแค่การเริ่มต้นของเขา" "npc_dota_hero_bloodseeker_bio" "Strygwyr the Bloodseeker คือนักล่าผู้หลงใหลในการฆ่า หมาล่าเนื้อของฝาแฝดผู้ถูกถลกหนัง เขาถูกส่งลงมาจากม่านหมอกแห่งยอดเขา Xhacatocatl เพื่อรวบรวมโลหิต ผู้ถูกถลกหนังจำเป็นต้องอาบเลือดเพื่อบรรเทาความคลุ้มคลั่งและหิวโหย และคงจะฆ่าฟันกันเองจนหมดสิ้นทั้งอาณาจักรหากนักบวชจากที่ราบสูงองค์หนึ่งไม่ได้ช่วยเหลือเอาไว้ ดังนั้น Strygwyr จึงออกไปแสวงหาการฆ่าฟันในโลกภายนอก พลังกายในเลือดทุกหยดที่เขากรีดแทง ไหลตรงไปยังฝาแฝดผ่านทางเครื่องหมายศักดิ์สิทธิ์บนอาวุธและเกราะของเขา หลายปีผ่านไป เขากลายเป็นนักล่าผู้โหดเหี้ยม ในการรบเขาขย้ำเหยื่อดั่งจิ้งจอก ภายใต้หน้ากากของ Bloodseeker ที่พยายามระงับความกระหายเลือด เล่าลือกันว่าบางครั้งคุณมาสามารถเห็นโฉมหน้าของผู้ถลกหนังเข้าควบคุมหมาล่าเนื้อของพวกเขาโดยตรง" "npc_dota_hero_axe_bio" "ในฐานะทหารเลวแห่งกองทหาร Red Mist Mogul Khan มุ่งหวังตำแหน่งนายพลแห่ง Red Mist หลังจากผ่านสนามรบมามากมาย เขาพิสูจน์ความสามารถของตัวเองบนหนทางแห่งการนองเลือด เขาได้เลื่อนตำแหน่งโดยตัดหัวของนายกองของตนโดยไม่รีรอ หลังจากเจ็ดปีในยุทธการ Thousand Tarns เขาทำให้ตัวเองกลายเป็นจอมโหดอันโด่งดัง ดวงดาวแห่งชื่อเสียงของเขาทอประกายเจิดจ้า ในขณะที่สหายศึกของเขาลดลงเรื่อยๆ ในคืนแห่งชัยชนะสูงสุด Axe ประกาศตัวเป็นนายพลแห่ง Red Mist คนใหม่ และตั้งสมญาให้กับตัวเองว่า Axe แต่ในตอนนี้กลับไม่มีสหายศึกของเขาเหลือแม้แต่คนเดียว โดยมากตายในสนามรบ แต่ก็ไม่น้อยที่ตายเพราะคมขวานของ Axe โดยปราศจากคำพูด ทหารส่วนใหญ่ไม่สนใจการบังคับบัญชาของเขา แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับ Axe ใครบอกว่ายอดขุนศึกไม่อาจรบด้วยตัวคนเดียวได้" "npc_dota_hero_phantom_lancer_bio" "หมู่บ้าน Pole อันห่างไกลไม่รับรู้ถึงสงครามที่กำลังระอุอยู่ในใจกลางของอาณาจักร สำหรับพวกเขา ความเงียบสงบของหอกที่แทงปลาและมื้ออาหารของครอบครัว เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับความต้องการของชีวิตแล้ว ถึงกระนั้นสงครามก็ลุกลามมาถึง กระนั้นพวกเขาก็รวมตัวกันเป็นกองกำลังและออกเดินทางจากบ้านเกิด มือทวนผู้ถ่อมตน Azwraith สาบานจะนำความสงบสุขกลับมาสู่อาณาจักรของพวกเขา และการจะทำเช่นนั้น เขาและพี่น้องของเขาถูกสั่งให้ตั้งรับการรุกรานครั้งสุดท้ายจากหมอผีผู้น่ากลัว Vorn ความเสียหายของพี่น้องของเขาใหญ่หลวงนัก เมื่อกองกำลังศัตรูรุกเข้าถึงป้อมปราการ มี Azwraith เพียงผู้เดียวที่ยังเหลือรอด และมีเขาเพียงคนเดียวที่หลบรอดแนวป้องกันออกมาได้

ด้วยความโกรธแค้นและมุ่งมั่นจากการล้างสังหารพวกพ้อง Azwraith ฝ่ากับดักถึงตายและผู้คุมที่หมอผีได้เสกเอาไว้ ไม่ช้านักตกปลาสามัญได้มาถึงหอคอยศิลาของหมอผี ทั้งคู่ต่อสู้กันข้ามคืน ทุ่มแทงเข้าใส่กัน และเมื่อการต่อสู้คลายลง Azwraith กรีดร้องอย่างเงียบงันขณะแทงทะลุร่างศัตรูของเขา แต่หมอผีไม่ยอมตายง่าย ๆ ร่างของเขาระเบิดออกเป็นประกายแสง ทะลุร่างผู้สังหารเขา เมื่อกลุ่มควันจากการต่อสู้จางลง Azwraith พบว่าตัวเขาอยู่ท่ามกลางพวกพ้องอีกครั้ง แต่ละร่างแต่งกายคล้ายกับตัวเขา แต่ละคนถืออาวุธเช่นเดียวกับเขา และเขาสัมผัสได้ถึงความนึกคิดของแต่ละคน เมื่อรับรู้ว่าพวกพ้องของเขาเดินทางมาถึง เขาเพ่งสมาธิให้ร่างภูตผีเหล่านี้ซ่อนตัว แต่ละตัวก็จางหายไปเหมือนไม่เคยมีสิ่งใดมาก่อน ขณะที่กองทหารเดินทางมาถึงหอคอย พวกเขาพบเพียงนักรบที่เอาชนะหมอผีลงได้ เมื่อพวกเขาเข้ามาหาผู้ชนะ มือทวนได้หายตัวไป มือทวนผู้ยืนตรงหน้าเขากลับกลายเป็นเพียงเงาภูตผีเท่านั้น" "npc_dota_hero_razor_bio" "ในบรรดาผู้มีพลังอำนาจที่อาศัยอยู่ใต้พิภพ Razor the Lightning Revenant เป็นหนึ่งในผู้ที่มีพลังอำนาจสูงและน่ากลัวที่สุด ด้วยแส้สายฟ้าของเขา เขาคอยสอดส่องดูแลทั่วเขาวงกต Narrow Maze ซึ่งเป็นสถานที่ที่ดวงวิญญาณของคนตายจะถูกจัดวางไว้ตามแต่สติปัญญา ความอดทน และไหวพริบที่จะเอาตัวรอด Razor สอดส่องสายตาไปที่เหล่าดวงวิญญาณที่สับสนภายในเขาวงกตนั้น ใช้แส้ฟาดเพื่อกระตุ้นดวงวิญญาณเหล่านั้นให้รีบตัดสินชะตาของตน ที่จะรีบมุ่งหน้าไปสู่ทางออกที่แสงสว่างหรือจมอยู่กับความมืดมิดตลอดไป Razor เป็นศูนย์รวมพลังงานที่ไม่สิ้นสุดที่มีพลังอำนาจมากมายมหาศาลเกินที่จะอธิบายได้ อย่างไรก็ตามเขาก็เป็นผู้ที่มีความทระนงตัวและดูเหมือนไม่ค่อยพอใจกับงานของเค้ามากนัก" "npc_dota_hero_storm_spirit_bio" "Storm Spirit คือพลังธรรมชาติสมชื่อของเขา พลังอันบ้าคลั่งของลมและอากาศกักเอาไว้ในร่างมนุษย์ เป็นร่างที่มีชีวิตชีวา ร่าเริง และไม่อาจควบคุมได้ เขาเหมือนกับคุณลุงรักสนุกที่มักจะร่วมวงด้วยพลังอันล้นเหลือ แต่ที่มาของเขากลับน่าเศร้า ในยุคสมัยก่อน บนที่ราบห่างออกไปหลังเทือกเขาแห่งเสียงโอดครวญ Wailing Mountains ผู้คนถูกทอดทิ้งให้อดอยากเนื่องจากฝนแล้งและขาดแคลน นักควบคุมธาตุผู้หนึ่งนามว่า Thunderkeg ได้ใช้มนต์ต้องห้ามเรียกวิญญาณแห่งพายุฝนขึ้นมาเพื่อจะขอให้สร้างฝนให้ แต่ด้วยความโกรธจากการถูกคำสั่งของมนุษย์ผู้นี้ เทพพายุฝน Raijin บันดาลให้เกิดความเน่าเสียและปฏิกูลบนผืนดินและชะล้างผืนดินว่างเปล่าด้วยลมวายุและอุทกภัย Thunderkeg ไม่อาจต่อกรกับเทพแห่งท้องฟ้าได้ เว้นแต่ว่าเขาได้ร่ายมนต์สังเวยตัวเองเพื่อหลอมชะตาของทั้งสองเข้าด้วยกันและสะกดเทพแห่งท้องฟ้าไว้ภายในร่างของเขา เมื่อต้องติดอยู่ด้วยกันในร่างเดียวกัน อารมณ์ขันของ Thunderkeg กับพลังคลุ้มคลั่งแห่ง Raijin ได้กำเนิดกลายเป็น Raijin Thunderkeg ผู้เบิกบาน เทพแห่งท้องฟ้าผู้เดินดินอยู่ในร่างเนื้อ" "npc_dota_hero_crystal_maiden_bio" "Rylai the Crystal Maiden กำเนิดในดินแดนอันร้อนระอุ ถูกเลี้ยงดูมาพร้อมกับ Lina พี่สาวแห่งไฟของเธอ เธอพบว่าพลังน้ำแข็งของเธอสร้างปัญหาให้กับผู้คนรอบตัว พืชผักเสียหายเพราะน้ำแข็งกัด แปลงกล้วยไม้กลายเป็นวงกตน้ำแข็งและพังทลายลงมา ไม่ว่าที่ใดที่เธอหยุดพักก็ตาม เมื่อพ่อแม่ของพวกเธอสุดจะทนและส่ง Lina ไปยังเขตร้อน Rylai พบว่าตัวเธอถูกเนรเทศไปยังแดนเหนืออันหนาวเย็นของ Icewrack ที่ซึ่งเธอถูกเลี้ยงดูโดยพ่อมดน้ำแข็ง ผู้สร้างกระท่อมและอาศัยอยู่ที่ยอดภูเขาน้ำแข็ง Blueheart หลังจากศึกษาอยู่นาน พ่อมดได้ยอมรับว่าเธอพร้อมสำหรับการฝึกตนเป็นผู้สันโดษ และเตรียมให้เธอขึ้นมาแทนที่เขา โดยเข้าไปอยู่ในภูเขาน้ำแข็งและจำศีลเป็นเวลาพันปี ความชำนาญในศาสตร์เยือกแข็งของเธอเริ่มสั่งสมตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา จนถึงตอนนี้ความสามารถของเธอไม่มีใครเทียบได้" "npc_dota_hero_kunkka_bio" "ในฐานะของพลเรือเอกแห่งกองทัพเรือ Claddish Navy อันแข็งแกร่ง Kunkka ได้รับมอบหน้าที่ปกป้องหมู่เกาะอันเป็นบ้านเกิดของเขา เมื่อเหล่าปีศาจแห่ง Cataract วางแผนจะเข้ายึดแผ่นดินของมนุษย์ หลายปีหลังจากการตอบโต้เล็ก ๆ น้อย ๆ และการโจมตีอันเข้มข้นรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ กองเรือปีศาจได้นำพากองกำลังทั้งหมดบุกขึ้นเทียบท่าบนเกาะ Trembling ได้ ด้วยหนทางที่ดูสิ้นหวัง เหล่านักเวทกล้าตายแห่งเมือง Cladd ได้ประกอบพิธีกรรมสูงสุด เพื่ออัญเชิญร่างทรงแห่งวิญญาณของบรรพบุรุษมาเพื่อปกป้องเหล่ากองเรือ ซึ่งเพียงพอที่จะต่อกรกับกองเรือปีศาจได้

หลังจากที่ Kunkka ได้เห็นปีศาจจมเรือของเขาลงทีละลำ เขาพึงพอใจที่เริ่มผลักดันกองเรือปีศาจนั้นออกไปได้ด้วยพลังวิญญาณบรรพชนของเขา แต่เมื่อการต่อสู้มาถึงที่สุด การสู้รบกันในสงครามระหว่างปีศาจ และ มนุษย์กับวิญญาณบรรพชน เหมือนเป็นเหตุให้ปลุกพลังที่สี่ที่หลับใหลอยู่ใต้ทะเลลึก คลื่นน้ำพุ่งสูงขึ้นดั่งหอคอยล้อมรอบเรือที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ลำ และ Maelrawn the Tentacular ได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับหนวดมากมายของมัน หนวดของมันกวาดไปกลางกองเรือ จมทั้งเรือปีศาจและมนุษย์ลงไปด้วยกัน ปั่นผืนน้ำและสายลมให้กลายเป็นความบ้าคลั่ง

สิ่งที่เกิดขึ้นใจกลางพายุนั้นไม่มีใครอธิบายได้ เสียงร้องของเหล่าปีศาจแห่ง Cataract จมหายลงไปกับคลื่นน้ำวนที่เวิ้งว้างว่างเปล่า ส่วน Kunkka เองก็กลายเป็นพลเรือเอกที่เหลือเรือเพียงลำเดียว เป็นเรือผีที่ฉายภาพความหายนะของมันซ้ำไปซ้ำมา ไม่ว่าเขาจะตายไปจากการปะทะในครั้งนั้นหรือไม่ ไม่มีผู้ใดคาดเดาได้ แม้แต่ Tidehunter ผู้ซึ่งเป็นคนอัญเชิญ Maelrawn ออกมาเองก็ไม่อาจรู้ได้แน่ชัด" "npc_dota_hero_warlock_bio" "ด้วยตำแหน่งหัวหน้าภัณฑารักษ์และผู้ดูแลห้องเก็บรักษาสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งวิทยาลัย Ultimyr Denmok Lannik ไม่เคยเหนื่อยที่จะตามหาคัมภีร์โบราณที่สาบสูญ ไม่มีวัดต้องคำสาปใดดูน่ากลัวเกินไป ไม่มีทางใต้ดินแห่งใดวกวนลวงตาเกินไป เกินที่ความกลัวตายจะห้ามเขาไม่ให้เข้าไปถ้าหากข่าวลือบอกว่ามีเอกสารโบราณหลงเหลืออยู่ในนั้น อย่างไรก็ตาม การสำรวจของเขาหลายครั้งได้ทำให้ผู้พิทักษ์โกรธแค้น ทำให้เขาจำเป็นต้องเชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งเวทมนตร์ เขาฝึกฝนตัวเองให้เรียนเวทมนตร์อย่างถ่องแท้ด้วยความหลงใหลเช่นเดียวกับการตามหาบันทึกโบราณของเขา ทำให้เขากลายเป็นพ่อมดผู้ทรงพลังที่สุดในวิทยาลัยในเวลาอันสั้นกว่าที่นักศึกษาส่วนใหญ่เรียนจบหลักสูตร เขาได้สร้างไม้เท้าแห่ง Dreadwood ขึ้นมาภายหลังและได้กักขังวิญญาณจากนรกไว้ภายใน และได้ทำนายวันที่เขาจะรวบรวมคัมภีร์เวทมนตร์ได้ครบทุกเล่ม เพื่อการนั้น เขาเริ่มเขียนคัมภีร์มนต์ดำของเขาเอง คัมภีร์ที่จะถูกเอาไปเผยแพร่อย่างแน่นอน" "npc_dota_hero_zuus_bio" "ราชาสวรรค์ บิดาแห่งทวยเทพ Zeus ปฏิบัติกับฮีโร่ทุกคนเหมือนดั่งเป็นลูกหลานที่งอแงและดื้อรั้น หลังจากที่ติดอยู่ในห้วงรักกับสาวมนุษย์มากมายนับครั้งไม่ถ้วน เทวีผู้เป็นภรรยาก็ได้ยื่นคำขาดแก่เขา \"ถ้าเจ้ารักมนุษย์มากนัก จงไปเป็นมนุษย์ ถ้าเจ้าพิสูจน์ตัวว่ามีความซื่อสัตย์ได้ค่อยกลับมาหาข้า กลับมาเป็นสามีผู้เป็นเทพของข้า หรือไม่ก็จงตายท่ามกลางสัตว์เลี้ยงของเจ้า\" Zeus พบว่าเหตุผลของนาง (และเวทมนตร์ของนาง) ไม่อาจปฏิเสธได้ จึงได้ยอมตามข้อตกลงของเธอ เขาทำตัวดีตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา เป็นดั่งเทพมากกว่ามนุษย์อย่างที่เขาควรจะเป็น แต่เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่ามีค่าพอสำหรับเทพีคู่ชีวิตของเขา เขาต้องคว้าชัยในสนามรบต่อไป" "npc_dota_hero_tiny_bio" "เขากำเนิดขึ้นมาจากกองหิน ต้นกำเนิดของ Tiny เป็นปริศนาที่ได้แต่คาดเดา บัดนี้เขาคือยักษ์ศิลา แต่เขาเคยเป็นสิ่งใดมาก่อน? ชิ้นส่วนที่ร่วงลงมาจากข้อเท้าของโกเลม? หรือเศษที่กวาดออกมาจากห้องสลักรูปปั้นการ์กอยล์? หรือเศษชิ้นส่วนของใบหน้าผู้หยั่งรู้แห่ง Garthos? ความสงสัยล้ำลึกนี้ผลักดันเขาให้ท่องเที่ยวไปทั่วแผ่นดินอย่างไม่รู้จักเหนื่อยเพื่อแสวงหาต้นกำเนิดของเขา พ่อแม่ของเขา ผู้คนเช่นเดียวกับเขา ระหว่างที่เขาเดินทาง น้ำหนักและขนาดของเขาก็มากขึ้นเรื่อย ๆ ลมฟ้าอากาศที่ทำให้ก้อนหินสึกกร่อนกลับทำให้ Tiny เติบใหญ่ และเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ" "npc_dota_hero_puck_bio" "ถึงแม้ว่าเมื่อแรกเห็น Puck จะมีบุคลิกที่ซุกซนและน่าเอ็นดูเหมือนเด็ก แต่ภายใต้ภาพลักษณ์นั้นก็มีบุคลิกอื่นซ่อนอยู่ภายในเช่นกัน โดยในร่างที่ยังไม่โตเต็มวัยของ Faerie Dragon สิ่งมีชีวิตที่มีมีอายุแสนยืนยาว Puck ได้ใช้เวลาหลายล้านปีอยู่ในร่างเยาว์วัย และมันคงจะเป็นเช่นนั้นต่อไปเรื่อย ๆ แม้ว่าเมืองทั้งเมืองในยุคปัจจุบันจะเสื่อมสลายกลายเป็นผุยผงไปแล้วก็ตาม เขาก็ยังคงเป็นเด็กอยู่ต่อไป แรงจูงใจของ Puck จึงไม่อาจคาดเดาได้ การเล่นสนุกไปวัน ๆ จึงอาจแฝงจุดประสงค์ที่ดำมืดอยู่ก็เป็นได้ ความสุขที่ได้ทำลายล้างสิ่งรอบ ๆ ตัว ดูจะเป็นสัญชาตญาณในตัว Puck ที่แท้จริงไปแล้ว" "npc_dota_hero_dazzle_bio" "นักบวชหนุ่มแห่ง Dezun ต้องผ่านพิธีกรรมมากมายก่อนจะสำเร็จเป็น Shadow Priest พิธีกรรมสุดท้ายคือพิธีแห่งเงา มันคือการเดินทางแสวงบุญไปยังดินแดน Nothl ดินแดนที่ไม่อาจคาดเดาเนื่องจากผู้ไปเยือนมักจะไม่รอดกลับมา ผู้ที่กลับมาได้บ้างก็เป็นบ้า บ้างก็ดูแปลกไป ทุกคนที่เดินทางไปที่นั่นล้วนเปลี่ยนไปเพราะสิ่งที่พบเจอ

ด้วยแรงกระตุ้นความต้องการรู้แจ้ง Dazzle คือเด็กที่อายุน้อยที่สุดในเผ่าที่ขอทำพิธีศักดิ์สิทธิ์นี้ ตอนแรกผู้อาวุโสปฏิเสธเขา บอกว่าเขายังเด็กเกินไป แต่ Dazzle ไม่ยอมฟัง เมื่อรู้สึกถึงสิ่งพิเศษในตัวนักบวชหนุ่มหัวดื้อผู้นี้ ผู้อาวุโสก็ยอม Dazzle ดื่มยาศักดิ์สิทธิ์และนั่งลงข้างกองไฟขณะที่คนอื่น ๆ ในเผ่าเต้นรำตลอดทั้งคืน

ในมิติเหนือธรรมชาติแห่งดินแดน Nothl ธรรมชาติของแสงและเงากลับสลับกัน แสงอันส่องสว่างอันอ่อนโยนและสวยงามของพระเจ้าในสายตาเรา แท้ที่จริงคือสิ่งอันตรายของปีศาจและหนทางอันมืดมนที่สุดกลับเปล่งประกาย การคาดเดาของผู้อาวุโสกลับตรงตามคำทำนาย Dazzle กลับไปหาผู้คนของเขาในฐานะ Shadow Priest ที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยพลังที่จะรักษาและทำลายไปพร้อม ๆ กัน เขาใช้พลังของเขาในการโค่นล้มศัตรูและรักษามิตรของเขา" "npc_dota_hero_rattletrap_bio" "Rattletrap ลูกหลานของสายพันธุ์เดียวกันกับ Sniper และ Tinker และเช่นเดียวกับเหล่า Keen Folk มากมาย ที่ชดเชยจุดด้อย ร่างเล็ก ๆ ของเขา โดยการประยุกต์ใช้สิ่งประดิษฐ์และเชาว์ปัญญา เนื่องด้วยที่เป็นหลานของช่างทำนาฬิกา Rattletrap จึงได้ฝึกฝนในสายอาชีพนั้นมานานหลายปี ก่อนที่จะเกิดสงครามจะไล่ลามลงมาจากภูเขา แล้วกวาดล้างเหล่าหมู่บ้านบนที่ราบลุ่มจนชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ล้มตายแทบหมดสิ้น \"งานใหม่ของเจ้าคือยุทธการ\" บิดาผู้หายใจรวยรินกล่าวทิ้งท้ายไว้แก่เขาขณะที่หมู่บ้านเหลือเพียงซากปรักหักพังที่มอดไหม้ในเขม่าควัน

มันเป็นเรื่องที่น่าสังเวชสำหรับช่างฝีมือที่กล่าวโทษเครื่องมือของตนเอง แต่ Rattletrap ไม่เคยเป็นคนที่หาข้ออ้างในความผิดพลาดเลยซักครั้งเดียว หลังจากที่ฝังศพบิดาของเขาไว้ท่ามกลางซากของหมู่บ้านพวกเขา Rattletrap จึงได้ตัดสินใจดัดแปลงร่างของเขาเองเป็นอสูรสงครามที่เยี่ยมยอดที่สุดเท่าที่ผู้ใดในโลกจะได้พบเจอมา เขาได้ปฏิญาณว่าจะไม่มีวันตกอยู่ในความไม่พร้อมอีก และแทนที่ด้วยพรสวรรค์ของเขาในการประกอบร่างชุดเกราะ Clockwerk อันทรงพลังเพื่อทำให้เหล่าอัศวินจากดินแดนอื่นกลายเป็นดั่งกระป๋องดีบุกไปในทันที บัดนี้ Rattletrap กลับมาแล้ว พร้อมด้วยอุปกรณ์มากมาย แม้ตัวจะเล็ก แต่ก็คือนักรบที่อันตรายถึงตายผู้ครอบครองทักษะการซุ่มโจมตีและทำลายล้าง และเพิ่มประสิทธิภาพจนที่เกือบถึงระดับการตอบสนองอัตโนมัติ กลายเป็นช่างฝีมือแห่งความตาย เครื่องกลของเขาสร้างที่ขับเคลื่อนไปได้อย่างทันท่วงที ราวกับจะประกาศก้องถึงการปรากฏตัวครั้งใหม่ของยุคสงครามปัจจุบัน นี่เป็นเวลาอะไร? มันถึงเวลาของ Clockwerk แล้ว!" "npc_dota_hero_lich_bio" "ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ พ่อมดเยือกแข็ง Ethreain (ยังไม่ได้เป็น Lich) ได้ใช้กฎน้ำแข็งทำลายล้างเพื่อปกครองทั้งอาณาจักรให้กลายเป็นทาสรับใช้ ผู้ต่อต้านซึ่งประกอบด้วยนักเวทผู้สิ้นหวังได้ลอบโจมตีเขา โดยมีอาวุธเป็นเชือกเวทมนตร์ที่สามารถมัดเขาไว้ได้ตลอดกาล พวกมันมัดพ่อมดเยือกแข็งกับตุ้มถ่วงน้ำหนักและผลักเขาลงไปในสระน้ำ สระที่ว่ากันว่าเป็นสระไร้ก้น แต่มันไม่ใช่

เขาตกลงมาเกือบปีก่อนที่จะกระแทกกับพื้นหิน เขาตายที่นั่น แต่ไม่เน่าเปื่อย จนกระทั่ง Geomancer ชื่อ Anhil คิดว่าจะตรวจสอบตำนานของสระดำที่ลึกไม่มีที่สิ้นสุด ลูกดิ่งของ Anhil ได้พันเข้ากับเชือกที่ใช้มัดพ่อมดผู้จมน้ำ และเมื่อยกมันขึ้นเขาก็ได้พบกับรางวัลที่ไม่คาดคิด เขาคิดว่าเมื่อปลุกชีพซากศพนี้ เขาจะสามารถถาม Lich ถึงลักษณะของสระน้ำนี้ได้ เขาปลดพันธนาการออกและร่ายมนตร์ปลุกชีพ แม้แต่ลูกหลานของผู้ต่อต้าน Ethreain ก็ได้ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา ดังนั้นจึงไม่มีใครเตือน Anhil ถึงการกระทำอันโง่เขลานี้ แต่เขาก็ได้เรียนรู้ถึงความผิดพลาดของการตัดสินใจของเขาในทันที เมื่อ Lich มัดเขาเอาไว้และสูบพลังเขาจนหมด" "npc_dota_hero_tidehunter_bio" "ครั้งหนึ่ง Tidehunter ผู้ถูกเรียกขานว่า Leviathan ได้เคยเป็นแชมป์เปี้ยนของเขตหมู่เกาะใต้บาดาล Sunken Isles แต่แรงจูงใจของเขานั้นลึกลับเป็นปริศนาพอ ๆ กับเผ่าพันธุ์ของเขา พวกเราทุกคนต่างตระหนักถึงความสำคัญอันใหญ่หลวงของเส้นทางเดินเรือของพวกเผ่าเดินดิน ว่าการครอบครองน่านน้ำเปิดนั้น เป็นตัวกำหนดให้อาณาจักรนั้นรุ่งเรืองหรือล่มสลายได้ ส่วนเส้นทางใต้ทะเลนั้นกลับไม่เป็นที่แน่ชัด รวมถึงวิธีที่เผ่าสงครามแห่ง Meranthic Diaspora สามารถขุดแกะสลักที่อยู่อาศัยท่ามกลางการสู้รบใต้ท้องทะเลอันไม่มีที่สิ้นสุดนี้ได้อย่างไร ภายใต้สนธิสัญญาอันบอบบางระหว่างพวกใต้น้ำและมนุษย์บนดิน เราอาจจะชายตาเห็นถึงเขตแดนของอาณาจักรใต้น้ำ แต่เรื่องการเมืองของพวกเขานั้นกลับซับซ้อนและคลุมเครือนัก Leviathan ผู้จงรักภักดีต่อเทพแห่งก้นสมุทร Maelrawn the Tentacular แต่เพียงองค์เดียวนั้นดูเหมือนจะเบื่อหน่ายกับเรื่องขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ และได้ออกเดินทางโดยลำพัง บัดนี้เขาเดินไปมาบริเวณเขตน้ำตื้นเพื่อเสาะหาผู้คนที่หลงเข้ามาในถิ่นของเขาพร้อมกับความเกลียดชังอันมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพลเรือเอก Kunkka ผู้ซึ่งเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมายาวนาน ส่วนเหตุผลนั้นได้จมหายไปในส่วนที่ลึกที่สุดของทะเลไปนานแล้ว" "npc_dota_hero_shadow_shaman_bio" "เมื่อ Rhasta เกิด ณ เนินโลหิต เขาเป็นเพียงเด็กหิวโหยที่ถูกหมอดูพเนจรเก็บมาเลี้ยง เพียงสองเหรียญทองแดง นักทำนายเฒ่าจะบอกอนาคตของคุณ ถ้าสามเหรียญเขาจะทำหมันให้หมูของคุณ จ่ายห้าเหรียญเขาจะตัดหนังหุ้มให้บุตรของคุณ ถ้าจ่ายเป็นอาหารดี ๆ สักมื้อ เขาจะใส่ชุดของหมอผี อ่านคัมภีร์โบราณและสาปศัตรูของคุณ ลูกผู้แปลกประหลาดของเขา ครึ่งโทรลภูเขา ครึ่ง... อย่างอื่น คอยเป็นผู้ช่วยและได้นำสิ่งใหม่ ๆ มาสู่การค้าของหมอดู

เด็กน้อยมักจะนำหน้าลูกค้าที่ถูกตุ๋นอยู่หนึ่งก้าวเสมอ ล่วงหน้าไปยังเมืองถัดไปเพื่อไล่ตามเจ้าสัวมือหนัก คู่หูทั้งสองอยู่บนหนทางอันสดใสจนวันหนึ่งหมอดูตระหนักว่าเด็กคนนี้สามารถทำในสิ่งที่เขาต้องแกล้งแสดงว่าทำได้ ห้องของเขามีของขวัญที่ลูกค้าตกรางวัลมาให้ แต่ถึงอย่างนั้น Rhasta น้อยก็มุ่งหวังมากกว่าฝูงชน และชื่อของ Shadow Shaman ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น ทั้งสองเดินทางจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมือง กอบโกยเงินทองพร้อมกับที่ชื่อเสียงของ Shadow Shaman โด่งดังขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อผลกรรมจากอดีตย้อนกลับมา พวกเขาถูกซุ่มโจมตีโดยกลุ่มของลูกค้าเก่าที่ถูกหลอก หมอดูถูกสังหาร และเป็นครั้งแรกที่ Rhasta ใช้พลังด้านมืดของเขา สังหารโหดกลุ่มผู้โจมตี เขาฝังร่างอาจารย์ผู้เป็นที่รัก และบัดนี้ได้ใช้พลังของเขาทำลายใครก็ตามที่จะทำร้ายเขา" "npc_dota_hero_riki_bio" "Riki เป็นบุตรคนกลางของราชวงศ์ Tahlin โดยมีพี่ชายผู้หวังในราชบัลลังก์และน้องชายผู้อ่อนแอ Riki ลูกชายคนกลางร่างเล็กเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ในการล่องหนหายตัว มันคือความสามารถที่เขาเฝ้าฝึกฝน และเป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตเขาไว้ในคืนที่ประชาชนของเขาก่อกบฏและสังหารครอบครัวของเขา จากเชื้อสายราชวงศ์ทั้งหมดมีเพียงเขาคนเดียวที่รอดมาได้ อาศัยรูปร่างที่เล็กและรวดเร็ว ยากจะสังเกต และอาศัยหมอกควันอำพรางกาย เขาหาทางออกมาจากเขตวังและอาศัยช่วงชุลมุนเชือดคอนักรบศัตรูคนแล้วคนเล่า บัดนี้เขาหลุดจากพันธะความรับผิดชอบของราชวงศ์ Riki ใช้ความสามารถของเขาทำงานใหม่เป็น Stealth Assassin เขาปิดปากศัตรู ลับความสามารถของเขา หวังว่าวันหนึ่งจะได้แก้แค้นผู้คนที่ฆ่าครอบครัวของเขาและแย่งชิงสิทธิอันถูกต้องตามชาติกำเนิดของเขาไป" "npc_dota_hero_enigma_bio" "ไม่มีใครรู้ถึงเบื้องหลังของ Enigma มีเพียงเรื่องเล่าและตำนานที่ไม่มีการยืนยัน ถูกเล่าขานสืบมารุ่นต่อรุ่น ในความเป็นจริงแล้ว Enigma คือปริศนาสำหรับผู้ที่รับรู้แค่ความจริงทางกายภาพเท่านั้น เขาคือพลังแห่งจักรวาล ผู้กลืนกินดวงดาว เขาคือชีวิตแห่งความว่างเปล่า บางคราวปรากฏเป็นกายเนื้อ บางครั้งมีเพียงรูปลักษณ์ สัตว์ร้ายที่อยู่ระหว่างภพ

มีเรื่องราวมากมายเล่าถึงเขาว่าเคยเป็นนักแปรธาตุผู้ยิ่งใหญ่ ผู้พยายามจะเผยความลับแห่งจักรวาลและถูกสาปเพราะความหยิ่งผยองนี้ ตำนานอื่นเล่าว่าเขาคือสิ่งมีชีวิตโบราณที่เกิดจากแรงดึงดูดแปลกประหลาด การบิดเบี้ยวอันสุดจะหยั่งถึงจากความมืดแรกเริ่มที่เกิดก่อนแสงแรกของจักรวาล และมีตำนานเก่าแก่กว่านั้นกล่าวว่าเขาคือดาวดวงแรกที่เกิดปะทะกันก่อเกิดเป็นหลุมดำ หลุมดำเติบโตและเริ่มมีสติรับรู้ ไม่มีใครรู้ว่าเขามีแรงจูงใจอะไร พลังของเขาไม่อาจหยุดยั้งได้ พลังทำลายล้างจะถูกปลดปล่อยออกมาด้วยรูปลักษณ์ของตัวมันเอง" "npc_dota_hero_tinker_bio" "เผ่าร่างเล็กของ Boush the Tinker เป็นที่รู้กันดีถึงความฉลาดของพวกเขา ไหวพริบอันเฉียบคมและความสัมพันธ์กับเวทมนตร์อันเจ็บปวด ด้วยความภาคภูมิใจ พวกเขาอยู่รอดได้ด้วยปัญญา และใช้เพียงพลังแห่งธรรมชาติที่หามาได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลเท่านั้น แม้วิถีทางที่เข้มงวดเช่นนี้ก็ยังนำไปสู่ปัญหาใหญ่เช่นที่ Boush พิสูจน์ออกมาได้ ครั้งหนึ่งเมื่อนักวิเคราะห์ธรรมชาติมือหนึ่ง Boush the Tinker ได้นำผู้ทรงภูมิวิเคราะห์การทำงานของธรรมชาติ พวกเขาสร้างห้องทดลองลับใต้ดินหลังม่านหมอกที่สุดเขตของที่ราบสูง Violet ที่เลื่องลือ ระหว่างที่โทษเหล่าพ่อมดว่าเป็นเหตุแห่งอันตรายที่พบพวกเขาบนพื้นโลก Boush และเหล่า Tinker ของเขาได้หยิ่งทะนงและสร้างประตูไปสู่ดินแดนที่พวกเขาไม่รู้จักและพบว่ากำลังตกอยู่ในฝันร้ายของพวกเขาเอง หมอกดำผุดขึ้นมาจากถ้ำรอบๆ ที่ราบ Violet ปกคลุมและเปลี่ยนเป็นความมืดที่เสียงหวีดร้องแห่งความหวาดกลัวดังก้องตลอดกาล Boush หลบหนีออกมาได้พร้อมกับสติปัญญาและเครื่องจักรประหลาดที่เขาคว้าออกมาได้ Tinker ผู้รอดตายเพียงหนึ่งเดียวจากเหตุการณ์ที่ราบสูง Violet" "npc_dota_hero_sniper_bio" "Kardel Sharpeye มีถิ่นกำเนิดมาจากหุบเขาลึกแห่ง Knollen เป็นเวลาเนิ่นนานมาแล้วที่ผู้คนบริเวณนี้ใช้ชีวิตด้วยการล่า Steepstalker สัตว์แปลกประหลาดที่อาศัยอยู่ตามหน้าผาด้วยการสังหารพวกมันจากระยะไกลและเก็บรวบรวมซากพวกมันจากที่ที่พวกมันตกลงมา Sharpeye เป็นหนึ่งในคนที่เก่งที่สุดของเหล่าชาว Keen แห่งภูเขานี้ ผู้ซึ่งใช้ปืนราวกับว่าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายและการลั่นไกก็เป็นเรื่องธรรมชาติเฉกเช่นเดียวกับการสัมผัส

ในวันที่เขาถูกเรียกเพื่อไปรับตำแหน่งอย่างเต็มตัวประจำหมู่บ้าน Sharpeye ได้ทำการทดสอบที่มีมาตั้งแต่โบราณ นั่นคือการยิงกระสุนนัดเดียวจากก้นหุบเขาเพื่อสังหารสัตว์ร้ายที่อยู่บนหน้าผา ถ้ายิงพลาดมันจะเป็นการสูญเสียเกียรติอันมหาศาล ทั้งหมู่บ้านต่างยืนด้วยความตื่นตัว Sharpeye ลั่นไก Steepstalker ร่วงลงมา ฝูงชนส่งเสียงเชียร์ด้วยความตื่นเต้น แต่เมื่อถึงเวลาเก็บซากศพ ฝูงชนเหล่านั้นกลับเงียบกริบ เพราะผู้อาวุโสได้พบว่ากระสุนได้ทะลุตรงกลางดวงตาอันแวววาวของมันและได้หล่นไปติดแน่นอยู่บริเวณขากรรไกรล่างของ Steepstalker ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่เป็นลางร้ายบ่งบอกถึงคำพยากรณ์อันมืดมน ที่จะทำนายถึงความยิ่งใหญ่และการถูกเนรเทศของมือปืนผู้ลั่นไก เป็นเพราะความสามารถของตัวเขาเอง Sharpeye the Sniper จึงถูกลงโทษโดยการถูกขับไล่ออกจากกลุ่มและห้ามย้อนกลับมา จนกว่าจะได้เติมเต็มคำทำนายจนสมบูรณ์ด้วยการสร้างชื่อเสียงให้ก้องหล้าในสนามรบ" "npc_dota_hero_necrolyte_bio" "ในช่วงเวลาแห่งโรคระบาดครั้งใหญ่ หนึ่งในนักบวชผู้ลึกลับแห่งวิถีมืด Rotund'jere ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะจากการฆ่าผู้ที่ตำแหน่งสูงกว่าทั้งหมด ขณะที่คนอื่นๆ ถูกส่งออกไปบำบัดความเจ็บป่วย หัวหน้าคณะคนใหม่ซ่อนตัวอยู่ในวิหารแห่ง Rumusque ยุ่งอยู่กับการวางแผนฮุบทรัพย์สมบัติจากชนชั้นสูงที่กำลังจะตาย โดยหลอกลวงว่าจะวิญญาณได้รับการเติมเต็ม หากยกที่ดินของพวกเขาให้ เมื่อโรคระบาดลดน้อยลง พฤติกรรมของเขาจึงเริ่มถูกเบื้องบนเพ่งเล็ง และถูกตัดสินความผิดของเขาโดยการส่งให้ไปทำงานในห้องผู้ป่วยโรคระบาด ร่ายมนต์ให้เขาเจ็บป่วยอย่างช้าๆ แต่เบื้องบนไม่ได้ตระหนักถึงภูมิต้านทานตามธรรมชาติของเขา Rotund'jere เป็นโรคร้ายแรงแต่ไม่ตาย เชื้อร้ายกลับให้อำนาจแก่เขา เปลี่ยนเขาให้เป็นพ่อมดแห่งโรคระบาดรุนแรง สันตะปาปาแห่งโรคร้าย เขาขนานนามตัวเองว่า Necrophos เขาท่องเที่ยวไปทั่วโลก แพร่โรคร้ายในทุกที่ที่เขาไปเยือน และสั่งสมพลังชั่วร้ายด้วยการแพร่โรคไปสู่ทุกหมู่บ้านที่ถูกเชื้อร้ายของเขาเข้าทำลายล้าง" "npc_dota_hero_slardar_bio" "Slardar เป็นหนึ่งใน Slithereen ที่อาศัยอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของมหาสมุทร และเป็นผู้พิทักษ์แห่งโครงข่ายเมืองบาดาลและขุมทรัพย์โบราณที่ถูกฝังอยู่ในนั้น ใต้กระแสน้ำที่มืดสนิทแห่งท้องทะเลลึก Slithereen Guard ตระเวนไปตามห้องเก็บสมบัติลับต่าง ๆ คอยเฝ้าหาหัวขโมยใต้น้ำซึ่งถูกส่งลงมาโดยพ่อมดจอมละโมบ เขามีความภักดีอย่างยิ่ง การไม่พูดอะไรซ่อนความรู้อันล้ำลึกเกี่ยวกับสถานที่ลี้ลับต่าง ๆ ใต้ทะเล เขาว่ายขึ้นมายังที่ตื้นโดยไม่สนใจความเจ็บปวดที่เกิดจากแสงสว่างเพื่อปฏิบัติภารกิจ และเพื่อทำให้แน่ใจว่าไม่มีใครวางแผนร้ายต่อท้องทะเลอีก บางครั้งก็ไม่รีรอที่จะไล่ตามใครสักคนที่หาทางขโมยบางสิ่งไปจากขุมทรัพย์ใต้ทะเล เพราะเขาใช้เวลาทั้งชีวิตภายใต้แรงดันน้ำมหาศาล ใต้น้ำหนักมหาศาลของท้องทะเล Slardar ผู้เป็น Slitheren Guard คือสัตว์ร้ายที่มีพลังมากเหลือล้น" "npc_dota_hero_beastmaster_bio" "Karroch เหมือนกับเด็กธรรมดา ๆ คนหนึ่ง แม่ของเขาตายในตอนที่คลอดเขาออกมา พ่อของเขาคือช่างทำเกือกม้าของราชาคลั่งแห่ง Slom ซึ่งประสบอุบัติเหตุตายตอนเขาอายุห้าปี หลังจากนั้น Karroch ได้ไปเป็นคนรับใช้ประจำโรงเลี้ยงสัตว์ที่ซึ่งเขาเติบโตขึ้นท่ามกลางฝูงสัตว์ในวังอันได้แก่ สิงโต ลิง กวาง และสัตว์ลึกลับอื่น ๆ เมื่อเด็กน้อยอายุเจ็ดปี นักเดินทางได้นำสัตว์ประหลาดที่ไม่เหมือนใครล่ามโซ่เข้ามาให้กษัตริย์ สัตว์นั้นพูดโดยที่ปากไม่ได้ขยับ มันเอ่ยขออิสรภาพ ราชาได้แต่หัวเราะและสั่งให้สัตว์นั้นแสดงเพื่อให้ความบันเทิงแก่ราชา และเมื่อมันปฏิเสธ ราชาสั่งให้ล่ามมันและลากไปเก็บไว้ในโรงเลี้ยง

หลายเดือนต่อมา เด็กชาย Karroch ขโมยอาหารและยาเพื่อมารักษาสัตว์ที่บาดเจ็บ สัตว์นั้นพูดกับเด็กชาย เวลาผ่านไปความผูกพันก็ยิ่งมากขึ้นจนเด็กชายพบว่าเขาสามารถจับใจความได้ อันที่จริงแล้ว เขาสามารถคุยโต้ตอบกับสัตว์ทั้งหลายในโรงเลี้ยงของราชา ในคืนที่สัตว์ประหลาดนั้นตาย ความโกรธแค้นพลุ่งพล่านในใจเด็กชาย เขาปลุกระดมเหล่าสัตว์ให้ลุกขึ้นก่อกบฏแหกกรงออกไปอาละวาดในพระราชวัง ราชาคนสุดท้ายถูกขยี้จนไม่เหลือซากท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย กวางหนุ่มได้คุกเข่าลงให้กับเด็กชายที่ปลดปล่อยมัน และให้ Beastmaster ขี่หลังก่อนที่จะกระโดดข้ามกำแพงสูงของพระราชวังและหนีไป จากเด็กชายกลายเป็นหนุ่ม Karroch the Beastmaster ไม่ได้เสียความสามารถในการพูดคุยกับสัตว์ป่า เขาเติบโตขึ้นเป็นนักรบผู้เป็นหนึ่งเดียวกับความเกรี้ยวกราดแห่งธรรมชาติ" "npc_dota_hero_venomancer_bio" "ในป่าทึบที่เต็มไปด้วยกรดของเกาะ Jidi สัตว์ทุกตัวที่วิ่งไปมา ห้อยโหนเถาวัลย์เรืองแสงที่ชุ่มไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยงที่มีฤทธิ์กัดกร่อน สิ่งมีชีวิตทุกตัวนั้นต่างก็มีพิษไหลเวียนอยู่ในเส้นเลือด แม้กระนั้นในสถานที่ที่รวมสัตว์มีพิษทั้งหลายไว้ด้วยกัน Venomancer ก็ยังถูกกล่าวขานว่ามีพิษร้ายแรงที่สุด หลายปีก่อนหน้านี้ นักสมุนไพรนามว่า Lesale ได้เดินทางข้ามอ่าว Fradj โดยเรือบดเพื่อจะพยายามค้นหาสารอันทรงพลังซึ่งอาจจะสกัดได้จากเปลือกหรือรากต้นไม้ แต่เขากลับได้พบการเปลี่ยนแปลงที่จะเป็นฝันร้ายไปตลอดกาล ลึกเข้าไปสองโยชน์ในป่าทึบ Jidi Lesale ได้โดนสัตว์เลื้อยคลานที่พรางตัวเป็นพืชตัวหนึ่งกัดขณะที่เขาพยายามจะเด็ดมันเพราะว่าเข้าใจผิด ในห้วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง เขาได้ใช้ความรู้บางส่วนของเขาเกี่ยวกับสมุนไพรป่าในการผสมพิษ (ที่รีดมาจากปาก) ของสัตว์เลื้อยคลานตัวนั้นเข้าด้วยกันกับน้ำเกสรของกล้วยไม้หุ้มเกราะเพื่อที่จะทำยาแก้พิษ ก่อนที่อาการอัมพาตจะครอบงำเขาทั้งตัว เขาได้ฉีดยาแก้พิษโดยใช้หนามกล้วยไม้และได้ล้มลงพื้นด้วยอาการเป็นตายเท่ากัน

สิบเจ็ดปีต่อมา บางสิ่งบางอย่างได้ค่อย ๆ เคลื่อนไหวจากตำแหน่งที่เขาล้มลง เปิดเผยตัวตนที่ถูกกลบด้วยซากพืชมายาวนาน มันคือ Venomancer ไม่มีนักสมุนไพรนาม Lesale อีกต่อไป จากนี้จะมีเพียง Lesale the Deathbringer จิตใจของเขาได้ถูกลบเลือนไปหมดแล้ว เนื้อหนังได้ถูกกลืนกินและสับเปลี่ยนด้วยสสารชนิดใหม่ ชนิดที่ผสมพิษของสัตว์เลื้อยคลานและเปลือกพิษของกล้วยไม้เข้าด้วยกัน และแล้วป่ากรดแห่ง Jidi ก็ได้ผู้ปกครองใหม่ ผู้ซึ่งแม้แต่นักล่าอันโหดเหี้ยมยังต้องยอมก้มหัวศิโรราบหรือมุดดินหนีเพื่อเอาตัวรอด เกาะอันน่าสะพรึงกลัวดูเหมือนจะแคบเกินไปและความหิวโหยของมนุษย์ลึกภายในจิตใจของ Venomancer ทำให้เขาต้องออกตามหาพิษชนิดใหม่ ๆ และความตายใหม่ ๆ เช่นเดียวกัน" "npc_dota_hero_faceless_void_bio" "Darkterror the Faceless Void เป็นผู้มาเยือนจาก Claszureme ดินแดนที่อยู่เหนือกาลเวลา มันยังคงเป็นปริศนาอยู่ว่าเหตุใดผู้เดินทางจากต่างมิติคนนี้จึงเชื่อว่าความพยายามในการไขว่คว้ามาซึ่ง Nemesis Stones นั้นคุ้มค่าพอที่จะเข้ามายังมิติกายภาพของเรา แต่ดูเหมือนว่าความไม่สมดุลของพลังอำนาจในโลกนี้ได้ส่งผลกระทบไปยังมิติข้างเคียงด้วย สำหรับ Darkterror เวลาไม่ได้มีความหมายไปมากกว่าหนทางสำหรับจัดการศัตรูหรือช่วยเหลือพันธมิตรเท่านั้น มุมมองต่อเอกภพของเขาทำให้เขาบิดเบือน และตัดขาดมิติเป็นเอกเทศได้ ไม่ใช่โลกของเขา แต่ในการต่อสู้ เขาก็สามารถจัดการเรื่องต่างๆ ด้วยตัวเขาเองได้อย่างน่าดูเหมือนกัน" "npc_dota_hero_death_prophet_bio" "Krobelus เป็นนักพยากรณ์แห่งความตาย -- ในอีกทางหนึ่งอาจเรียกได้ว่านางทำนายอนาคตให้แก่ผู้มั่งคั่งที่สุดเท่านั้น ผู้ซึ่งปรารถนาจะรับรู้อนาคตที่ห่างออกไปที่ถูกปิดบังเอาไว้ แต่หลายปีหลังจากการทำนายเพื่อผู้อื่น ตัวนางเองเริ่มค้นหาหนทางที่จะบอกใบ้ชะตากรรมของนาง เมื่อความตายปฏิเสธที่จะเผยความลับของมัน นางจึงพยายามแลกมันด้วยชีวิตของนางเอง แต่ด้วยราคาสูงสุดก็ยังไม่เพียงพอ

ความตายคายวิญญาณของนางคืนมาครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังคงปิดบังปริศนาลึกล้ำของมันเอาไว้ ความริษยาของนางพอกพูนขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนเกิดมาแล้วก็จากไป -- แล้วเหตุใดถึงไม่ใช่นาง? ทำไมนางถึงถูกทิ้งไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำแห่งชีวิตที่เหนื่อยล้าอยู่เสมอ? เหตุใดนางจึงไม่มีค่าพอสำหรับสิ่งที่ชีวิตอื่น ๆ ล้วนได้รับ? อย่างไรก็ดี นางไม่เคยท้อใจ

แต่ละครั้งที่นางฟื้นกลับมาจากสุสาน นางได้นำเศษเสี้ยวของความตายบางส่วนกลับมาพร้อมกับนางด้วย ภูตผีติดตามนางราวกับเศษชิ้นส่วนของวิญญาณของนางนั้นแตกกระจายออก โลหิตของนางเหือดแห้งแปรเปลี่ยนเป็นควันวิญญาณ อสูรหิวโหยในยามราตรีนับถือนางดั่งญาติมิตร นางแบ่งเสี้ยวหนึ่งของชีวิตของนางให้กับผู้ตาย จุดจบของนางคล้ายจะเห็นอยู่ตรงหน้า ยิ่งนางมุ่งสู่ความตายมากขึ้น ไม่เหลือลูกค้ารายใดยกเว้นตัวนาง นางร้อนรนจะผ่านประตูมรณะไปให้ได้ โดยตั้งใจที่จะเติมเต็มคำทำนายของนางที่ขาดหายไป ที่ว่าสักวันหนึ่ง แม้แต่ Death Prophet ก็มิอาจหวนคืนจากความตายได้อีกแล้ว" "npc_dota_hero_pugna_bio" "ในถิ่นกำเนิดของ Pugna ใกล้กับช่องลงไปสู่โลกเบื้องล่าง ที่นั่นเป็นที่ตั้งของวิหารลามะที่อุทิศตัวให้กับศาสตร์แห่ง Oblivian ที่จะยืมพลังจากโลกเบื้องล่าง ปรมาจารย์แห่งหมู่วิหารได้เดินทางสู่ Oblivion เมื่อหลายปีก่อน ปล่อยให้วิหารของเขาไร้ผู้นำ ในห้วงมรณะของอาจารย์ ผู้ดูแลวิหารทั้งหลายได้ทำพิธีเพื่อทำนายหาร่างเกิดใหม่ของอาจารย์ และในที่สุดสัญญาณต่าง ๆ ได้พร้อมกันชี้ทางไปยังหมู่บ้านใกล้เคียง หมู่บ้านมากมายที่อยู่ใกล้บริเวณวิหาร ตามทางเดินและตลาดเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ

Pugna คือเด็กอายุสิบสามเดือน เป็นหนึ่งในตัวเลือกจากเด็กทั้งหลาย ในวันนัดหมายเขาถูกพาไปที่วัดพร้อมกับเด็กเล็กอีกสองคน พวกลามะนำของโบราณผุพังออกมากองตรงหน้าเด็ก ๆ สมบัติที่เคยเป็นของปรมาจารย์ของพวกเขา เด็กชายคนหนึ่งคว้าไม้เท้าหินที่เคยเป็นของปรมาจารย์และยัดเข้าจมูกตัวเอง เด็กหญิงซุกซนอีกคนดึงเครื่องรางที่เป็นของปรมาจารย์ออกมาเช่นกัน และกลืนมันลงไปทันที Pugna มองดูเด็กทั้งสองอย่างเย็นชาและหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง และเผาพวกเขาด้วยไฟสีเขียวมรกตจนเหลือแต่กองขี้เถ้าในพริบตา จากนั้นก็ดึงไม้เท้าและเครื่องรางออกมาพร้อมกับพูดว่า 'ของข้า!' ผู้ดูแลรีบอุ้ม Pugna ขึ้นไว้บนบ่า ห่อตัวเขาไว้ด้วยผ้าคลุมของปรมาจารย์ จากนั้นรีบนำเขาไปที่บัลลังก์ก่อนที่อารมณ์ของเขาจะเปลี่ยนไป ภายในเวลาห้าปี ตัววิหารได้กลายเป็นกองขี้เถ้าซึ่งทำให้ Pugna พอใจไปตลอดกาล" "npc_dota_hero_templar_assassin_bio" "Lanaya หรือ The Templar Assassin ฉายาของเธอนั้นได้มาจากหนทางแห่งความพากเพียรใฝ่รู้ เต็มเปี่ยมไปด้วยความแน่วแน่อย่างมีหลักการ ช่วงเวลาหลายปีแรกของเธอหมดไปกับการศึกษากฎแห่งธรรมชาติที่แสนละเอียดอ่อน โดยศึกษาจากตำราเวทมนตร์และศาสตร์แห่งการแปรธาตุหลายฉบับ ทดลองซ้ำแล้วซ้ำอีกจากเศษเถ้าของ Violet Archives (เอกสารสีม่วง) จดจำและเฝ้าสังเกตผู้รักษาบันทึกแห่ง Keen ด้วยที่ธรรมชาตินั้นแสนจะลี้ลับ ความยากลำบากเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ได้เสริมทักษะการพรางตัวของเธอ หากเธอเลิกราเพียงเท่านี้ เธอก็อาจจะเสียชื่อและเป็นที่เลื่องลือในกลุ่มสมาคมในฐานะบัณฑิตจอมโจร แทนที่จะเป็นเช่นนั้นการค้นคว้าของเธอกลับนำเธอไปสู่แง่มุมที่คลุมเครือ

ขณะที่เธอทุ่มเทพรสวรรค์แห่งการแฝงตัวเพื่อเผยความลับแห่งจักรวาล เธอได้ปลดผนึกประตูลับซึ่งปรากฏอยู่ในธรรมชาติเอง ประตูซึ่งเป็นทางเข้าสู่ Hidden Temple (วิหารลับแล) ผู้ทรงภูมิปัญญาซึ่งรออยู่เบื้องหลังประตู ผู้ที่รอคอยเธออยู่ และไม่ว่าความลับใดที่พวกเขาได้เปิดเผยก็ไม่อาจเทียบได้กับคำตอบที่พวกเขามอบให้แก่ Lanaya ว่าเธอควรจะให้การช่วยเหลือพวกเขา เธอสาบานว่าจะปกป้องความลับนั้น หรือก็คือการทำงานให้กับ Hidden Temple ที่ช่วยเติมเต็มความกระหายใฝ่รู้อันไร้ขอบเขตของเธอ ทุกครั้งที่เธอสังหารเหล่าอริลง ในสายตาของพวกมันก็จะเผยความลับบางส่วนนั้นออกมา" "npc_dota_hero_viper_bio" "เมื่อครั้งที่พ่อมดผู้ชั่วร้ายได้ขังและหวังจะควบคุมมันได้ Viper ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากผนึกและได้กลับคืนสู่โลกใต้ดินที่เผ่าพันธุ์ของเขาอาศัยมานับล้านปี หลังจากที่ผืนดินได้เลื่อนปิดขัง Netherdrake ทั้งหลายไว้ในถ้ำเรืองแสง บางครั้ง Viper จะปรากฏตัวตามมนต์เรียกหาของพ่อมด โดยหวังจะเรียนรู้มนต์ดำจากพ่อมด แต่ต่อมาเขาก็ตระหนักว่ามนต์ไม่กี่บทที่มีนั้นเป็นพิษร้ายแรงเช่นเดียวกับพิษที่เขามีมาแต่กำเนิด เขาพ่นกรดที่ละลายลูกกรงของเขาออก Netherdrake หลุดรอดจากที่คุมขังและพ่นพิษใส่ดวงตาของผู้ร่ายมนต์ จากนั้นจึงบินจากไปเพื่อประกาศให้โลกรู้ว่าโลกนี้มีผู้ปกครองคนใหม่แล้ว" "npc_dota_hero_luna_bio" "เธอตกต่ำถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ครั้งหนึ่งเธอเป็นถึงผู้ลงทัณฑ์แห่งท้องทุ่ง ผู้นำไร้ปราณีแห่งมนุษย์และสัตว์ร้าย สามารถหว่านกระจายความหวาดกลัวเพียงเธอเอ่ยท้าทาย บัดนี้เธอห่างไกลจากบ้านเกิด เจียนจะคลั่งเพราะหิวโหยและร่อนเร่มาแรมเดือน กองทหารของเธอล้มตายหรือไม่ก็กลายเป็นสิ่งเลวร้ายยิ่งกว่า ขณะที่เธอยืนอยู่ริมผืนป่าเก่าแก่ ดวงตาแวววาวคู่หนึ่งจับจ้องเธอจากกิ่งไม้ใหญ่ บางสิ่งที่สวยงามและอันตรายเสาะหามื้ออาหารท่ามกลางราตรีอันร่วงโรย ไร้เสียงใด ๆ มันหันกลับและจากไป ความโกรธเข้าครอบงำเธอ เธอกำมีดสนิมเขรอะของเธอไว้แน่น เธอพุ่งตามสัตว์ร้ายหมายจะทวงเศษเสี้ยวแห่งศักดิ์ศรีที่เคยมี แต่ก็ไม่อาจจับเหยื่อของเธอได้ สามครั้งที่เธอต้อนสัตว์ร้ายจนมุมระหว่างก้อนหินและต้นไม้ และอีกสามครั้งที่เธอจู่โจมและพบเพียงเงาเลือนหายไปในหมู่ไม้ แต่จันทร์เต็มดวงนั้นส่องแสง และรอยเท้าของสัตว์ร้ายก็ง่ายในการติดตาม

เมื่อมาถึงยอดโล่งบนเขาสูง สัตว์ร้ายร่างคล้ายแมวใหญ่นั่งอยู่กลางที่โล่ง สนใจและรอคอย เมื่อหญิงสาวกวัดแกว่งมีดของเธอ สัตว์ร้ายลุกขึ้น คำราม และพุ่งเข้ามา เหมือนดั่งความตายที่ตามมาพบเธอในแดนประหลาดนี้ในที่สุด เธอลุกขึ้น สงบนิ่งและเตรียมพร้อม เพียงชั่วพริบตาสัตว์ร้ายก็ฉวยมีดในมือเธอหายเข้าไปในป่า ชั่วขณะหนึ่ง ร่างในชุดผ้าคลุมก็เข้ามาหาเธอ เอ่ยด้วยน้ำเสียงยำเกรงว่า Selemene ผู้เป็นเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ ได้เลือกเธอ ได้ชี้นำเธอ และทดสอบเธอ โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าอยู่ในพิธีศักดิ์สิทธิ์แห่ง Dark Moon นักรบแห่งป่า Nightsilver

เธอได้รับข้อเสนอ เข้าร่วมกับ Dark moon และถวายตัวรับใช้ Selemene หรือจากไปไม่กลับมาอีก เธอไม่รั้งรอ ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง เธอละทิ้งอดีดเปื้อนเลือดและได้รับรูปลักษณ์ใหม่ในฐาน Luna แห่ง Dark Moon ผู้น่ากลัว ปราศจากความเห็นใจ และองครักษ์ผู้ภักดีอย่างยิ่งแห่งป่า Nightsilver" "npc_dota_hero_dragon_knight_bio" "เป็นเวลาหลายปีที่ Davion ได้เดินทางในการตามล่ามังกรในตำนาน Eldwurm แต่ตัวเขาได้พบว่าสิ่งที่ตนกำลังตามหานั้นทำให้เขาผิดหวังมากเนื่องจากศัตรูที่เขาหมายปอง Slyrak มังกรที่น่าหวาดกลัวนั้นได้แก่และอ่อนแอลงไปมาก ปีกของมันขาดรุ่งริ่งเป็นรูโหว่ เกล็ดที่เหลือของมันเริ่มติดเชื้อและหลุดออกไป เขี้ยวของมันผุและไม่คม เช่นเดียวกับที่ลมหายใจของมันอันร้อนดุจดังเพลิงนรกก็เหลือน้อยเต็มที ไม่มีความน่ากลัวแม้แต่น้อย

Davion ไม่เห็นเกียรติที่จะได้รับเมื่อเป็นผู้สังหารมังกรตัวนี้อีกแล้ว เขาจึงเตรียมตัวที่จะเดินทางกลับเพื่อปล่อยให้คู่ปรับของเขาได้ตายอย่างสงบ แต่ทั้งอย่างนั้น Slyrak ส่งเสียงกระซิบและกล่าวว่ามันจะเป็นเกียรติแก่เขามากที่จะได้ตายในการต่อสู้ Davion ตกลงตามข้อเสนอนั้น เขาพบว่าตนเองได้รับรางวัลที่เหนือความคาดหมายในความเมตตากรุณาของเขา ขณะที่ทำการต่อสู้เขาแทงดาบทะลุหน้าอกของ Slyrak แต่เขาพบว่าตนโดนกรงเล็บข่วนไปที่คอของเขาทำให้เลือดของ Slyrak และ Davion ผสมเข้าด้วยกัน Slyrak ส่งพลังอำนาจของเขาไปทางสายเลือดส่งความแข็งแกร่ง ภูมิปัญญาของเขาที่เก็บสะสมมาเป็นเวลานานมอบให้แก่ Knight Davion หลังจากนั้น Slyrak ก็ผนึกร่างของตนเข้ากับ Davion บัดนี้ทั้งสองได้รวมกันกลายเป็น Dragon Knight พลังอำนาจแห่งมังกรที่ยิ่งใหญ่ได้หลับใหลอยู่ภายในร่างของ Dragon Knight Davion จนกว่าเขาจะปลุกมันเมื่อต้องการหรือมันจะเป็นฝ่ายเรียกเขา เพื่อที่จะใช้พลังอันยิ่งใหญ่ของเขาทั้งสองฟาดฟันกับศัตรู" "npc_dota_hero_dark_seer_bio" "รวดเร็วเมื่อเขาต้องการและเปี่ยมด้วยยุทธวิธีอันแยบยล Ish'Kafel the Dark Seer ไม่ต้องการอาวุธมีคมใด ๆ เพื่อสยบศัตรู แต่พึ่งพาความแข็งแกร่งของพลังจิตของเขาเท่านั้น ความสามารถของเขาคือการชิงความได้เปรียบในการต่อสู้ ชักใยอยู่เบื้องหลังจากเขตแดนที่เขาเรียกว่า \"ดินแดนหลังกำแพง\" Dark Seer มักจะอยู่วงนอกในเขตแดนนั้น เป็นนักรบจากดินแดนเหนือจินตนาการ

ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นนายพลผู้ยิ่งใหญ่เหนือใคร และเป็นผู้พิทักษ์แห่งเทพราชา Damathryx กองทหารของ Dark Seer ถูกกวาดล้างโดยกองทหารที่มีกำลังพลเหนือกว่ามากในวันสุดท้ายแห่งมหาสงครามชิงเขตแดน เมื่อเผชิญกับความพ่ายแพ้ เขาได้ดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้าย เขาล่อทหารข้าศึกไปยังเขาวงกตภายในกำแพง ในขณะที่กำลังจะถูกจับ เขาพุ่งสวนออกมาและระเบิดพลังแห่งความมืดผนึกกำแพงเขาวงกตไว้ตลอดกาล เมื่อฝุ่นผงจางลง เขาพบว่าเขาช่วยเหลือผู้คนของเขาไว้ได้แต่ตัวเขากะพริบตาใต้แสงอาทิตย์จากโลกอื่นโดยไม่มีทางหวนกลับ บัดนี้เขาตกลงใจที่จะพิสูจน์คุณค่าของเขาในฐานะนักกลยุทธ์ทางการทหาร และกระหายที่จะแสดงว่าเขาคือสุดยอดนักวางแผนที่โลกแปลกประหลาดแห่งนี้ไม่เคยพบมาก่อน" "npc_dota_hero_clinkz_bio" "อาณาจักรซึ่งตั้งอยู่ ณ Bleeding Hills นั้นมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล ป่าไม้ที่นั่นมีขนาดกว่า 1,000 ลีก — สถานที่แห่งนี้ถูกเรียกว่า Hoven สถานที่ซึ่งปรากฏสระน้ำสีดำคล้ายบ่อน้ำมันอันเกิดจากสายโลหิตที่หลั่งมาจากอาณาจักรเบื้องบน สถานที่ซึ่งมหาจอมเวท Sutherex ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาธรรมดำรงอยู่ ที่ที่ครั้งหนึ่งเคยมีผู้พิทักษ์แห่ง Hoven ที่ให้สัตย์ปฏิญาณตนไว้ Clinkz ผู้มีชื่อเสียงด้วยทักษะฝีมือการยิงธนูอันแม่นยำของเขาด้วยคันธนูคู่ใจ ในปีที่ 300 แห่งการครองราชย์ของราชันจอมเวท สัตว์อสูร Maraxiform ได้หลบหนีจากแดนนรกชั้นที่ 6 และอ้างสิทธิ์เหนือราชันแห่งป่า ด้วยเหตุนี้ จอมมหาเวทประกาศสาปแช่งมันด้วยเวทมนตร์ คำสาปร้ายแรงซึ่งไม่มีวันมลายสูญไป: มันผู้ใดที่สามารถฆ่าปีศาจตนนี้ลงได้ เมื่อนั้นชีวิตของมันจักคงอยู่ชั่วนิรันดร์

ด้วยความที่ Clinkz ไม่รู้ถึงพลานุภาพของมนตรา เขาบุกตะลุยเข้าต่อสู้ เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินของเขาจากการโจมตีอันบ้าคลั่งของปีศาจ Clinkz รุกไล่ Maraxiform จนถอยร่นกลับไปถึงหน้าประตูปรภพ ประตูนรกชั้นที่ 6 ณ ธรณีประตูเพลิงนี้เองที่เป็นจุดตัดสินชะตากรรมของชีวิตทั้งคู่ ในขณะที่ทั้งสองต่างบาดเจ็บสาหัส ปีศาจร้ายก็ได้พ่นเปลวเพลิงนรกานต์ออกไป ในขณะที่ Clinkz ก็ยิงลูกศรสุดท้ายใส่เช่นกัน ลูกธนูของเขาปักเข้าไปที่สัตว์อสูรนั้นอย่างแม่นยำพร้อมกันกับที่เพลิงแห่งนรกลุกท่วมไปทั่วดินแดน ประกายเพลิงได้จุดไฟทำให้สระน้ำสีดำลุกไหม้ทันที ยังส่งผลให้ Clinkz โดนเผาทั้งเป็น และปีศาจก็ได้สิ้นชีพลง ในขณะที่นักธนูกำลังถูกเผาไหม้อยู่นั้นเอง มหาเวทคำสาปที่ร่ายไว้ก็เริ่มทำงาน เหลือเพียงกระดูกและความเดือดดาล และนั่นทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพอันแสนเลวร้าย อยู่ในสภาพที่ไม่ต่างจากคนที่ตายไปแล้ว ไม่ต่างจากศพ เขาจะนำเพลิงมรณะไปตลอดทุกลมหายใจของเขา ตลอดทุกแห่งหนที่เขาผ่านไป ตลอดชั่วนิจนิรันดร" "npc_dota_hero_enchantress_bio" "Aiushtha สิ่งมีชีวิตของป่าที่ไร้เดียงสาและไม่ค่อยกังวลกับสิ่งใด แต่ความเป็นจริงก็คือเรื่องราวของเธอไม่ได้มีอยู่เพียงแค่นี้ เธอเข้าใจความเจ็บปวดของธรรมชาติบนโลกนี้ได้เป็นอย่างดี การเดินทางที่ยาวนานผ่านร้อนผ่านหนาวในทุก ๆ สภาพอากาศ เธอข้ามผ่านป่าเขาที่ทั้งสว่างไสวและมืดมิด เธอรวบรวมมิตรสหาย แบ่งปันข่าวสาร สร้างเสียงหัวเราะและเยียวยารักษาในทุก ๆ ที่ที่เธอผ่านไป ในโลกที่เสียหายจากสงคราม ป่าไม้ถูกนำมาสร้างเรือและอาวุธ แม้แต่ในที่ที่สงบสุข ต้นไม้ถูกตัดมาเพื่อสร้างบ้านเรือนและเป็นเชื้อเพลิงสำหรับเตาผิงมากมายนับไม่ถ้วน

Aiushtha ได้ยินเสียงวิงวอนร้องขอของเหล่าบรรดาสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่ยังต้องการร่มเงาสีเขียวและที่บังแดดบังฝนสำหรับการใช้ชีวิต เธอเป็นคนเดียวที่ยอมรับฟังเรื่องราวต่าง ๆ และเธอนำเรื่องราวจากป่าเหล่านั้นมาบอกให้โลกได้รับรู้ ด้วยความเชื่อว่าเจตนาที่ดีของเธอนั้นเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่สามารถเติมเต็มพันธะสัญญาของอนาคตอันเขียวขจี" "npc_dota_hero_omniknight_bio" "Purist Thunderwrath เป็นนักสู้ตัวฉกาจ เป็นจอมทำลายล้าง และเป็นอัศวินผู้สาบานตนรับใช้กฎที่เขารับรู้มาตั้งแต่ครั้งยังเป็นอัศวินฝึกหัดจนกระทั่งกลายเป็นอัศวินผู้ได้รับการยอมรับ เขาใช้เวลาทั้งชีวิตรับใช้ Omniscience ผู้รู้แจ้ง พวกเขายึดมั่นกับพันธะศักดิ์สิทธิ์และเขาไม่เคยตั้งคำถามตราบเท่าที่เขามีกำลังที่จะต่อสู้และความกล้าหาญแห่งวัยเยาว์ แต่หลังจากหลายปีในสงครามศักดิ์สิทธิ์ เมื่อผู้อาวุโสของพวกเขาตายและถูกฝังในสุสานโคลนข้างทาง และเมื่อพี่น้องร่วมรบของเขาล้มลงในการศึกพวกป่าเถื่อนที่ไม่ยอมรับ Omniscience เมื่ออัศวินฝึกหัดของเขาต้องจากไปเพราะการซุ่มโจมตี โรคระบาด และอุทกภัย เขาเริ่มตั้งคำถามกับความภักดีของเขา ถามถึงความหมายของสงครามศักดิ์สิทธิ์นี้

หลังจากการเข้าฌานเป็นเวลานาน เขาจากมาพร้อมกับทหารของเขาและเริ่มเดินทางกลับสู่ถ้ำใต้ผาปริศนาแห่ง Emauracus ที่นั่นเขาได้ซักถามนักบวชแห่ง Omniscience ไม่มีใครตั้งคำถามกับพวกนักบวชมาก่อนและนักบวชพยายามจะโยนเขาลงไปในบ่อสังเวย แต่นักบวชไม่อาจขยับตัว เพราะเมื่อเขามองดูพวกนักบวช ร่างของเขาอาบไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ดั่ง Omniscience ได้มาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา นักบวชอาวุโสได้นำเขาไปตามทางเดินเป็นเวลาหลายสัปดาห์ก่อนจะถึงห้องใต้ดินที่ลึกที่สุด ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในหมู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ซึ่งสิ่งที่รออยู่ไม่ได้เป็นเพียงนามธรรมของปัญญารู้แจ้ง ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องรางสำหรับฝังภาพความเชื่อให้นับถือ แต่เป็นสิ่งเก่าแก่ที่สุด มันไม่เพียงแต่อาศัยอยู่ในหินมาหลายล้านช่วงอายุ ไม่.. มันสร้างชีวิตเหล่านั้น

Omniscience ได้สร้างเกราะเหล็กไหลขึ้นรอบ ๆ ตัวมันเพื่อปกป้องสิ่งน่ากลัวมากมายจากอวกาศ แม้ผู้รู้แจ้งจะประกาศตัวว่าเป็นผู้สร้างโลกและได้เผยความจริงแก่เหล่าสาวกเกี่ยวกับวันที่จะมาถึง แต่เหล่าอัศวินก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องไปพิสูจน์เรื่องราว บางที Omniscience อาจเป็นเพียงคำลวงลึกลงไปในคุกหินของมันและอาจจะไม่ได้เป็นผู้สร้างโลกนี้เลยก็ได้ แต่ Omniknight ไม่สงสัยในชะตากรรมของเขาอีกแล้ว ภารกิจของเขามีความหมายในที่สุด และจะไม่มีคำถามถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่อยู่ในตัวเขา พลังที่แบ่งให้แก่พวกพ้องของเขาในสนามรบ พลังนั้นเป็นจริงยิ่งกว่าสิ่งใด" "npc_dota_hero_huskar_bio" "หลังตื่นขึ้นมาพร้อมอาการเจ็บปวดจากการไปยังดินแดน Nothl อันศักดิ์สิทธิ์ Huskar ลืมตาขึ้นมาและพบว่า Dazzle กำลังลงคาถาทั่วร่างของเขา ถึงแม้จะเป็นการฝืนพิธีกรรมโบราณของวิถีแห่ง Dezun แต่วิญญาณของ Huskar ก็ปลอดภัยจากความตายชั่วนิรันดร ถึงกระนั้นเหมือนกับคนอื่น ๆ ที่ได้พบ Nothl เขาพบว่าตัวเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่มีทางแก้ไข เขาไม่ได้อยู่ในร่างมนุษย์อีกต่อไป เลือดทุกหยดของเขากลายเป็นแหล่งพลังมหาศาล ทุกหยดที่ไหลออกมาแปรเปลี่ยนเป็นพลังเผาไหม้รุนแรงขึ้นนับสิบเท่า อย่างไรก็ตามพรสวรรค์ใหม่นี้ทำให้เขาเกรี้ยวกราดอย่างยิ่ง Dazzle ได้ปฏิเสธเขาจากการเข้าถึงเหล่าทวยเทพ เขาถูกปฏิเสธจากการบูชายัญอันศักดิ์สิทธิ์

ในเวลาที่เหล่าผู้อาวุโสต้องการขยายอำนาจและพวกเขาเห็นตรงกันว่า Huskar คือเครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับงานนี้ ไม่เพียงต้องกลายเป็นอาวุธให้กับอำนาจที่ปฏิเสธเขา พรสวรรค์ของเขายิ่งทำให้เขากังวลมากขึ้น เมื่อสงครามก่อตัวขึ้นที่เส้นขอบฟ้า เขาออกจากบ้านเกิดไปเพื่อแสวงหาพันธมิตรใหม่ และมองหาบางสิ่งที่มีค่าพอที่จะปลดปล่อยพลังจากหยาดเลือดเขา" "npc_dota_hero_night_stalker_bio" "ถ้าพูดถึง Balanar the Night Stalker แล้ว มันไม่มีประวัติความเป็นมา มีเพียงแค่เรื่องเล่าขาน มีตำนานเก่าแก่ที่ถูกถักทอเกี่ยวโยงให้เข้ากันกับนิทานปรัมปราของทุกเผ่าพันธุ์ ทุกวัฒนธรรม ณ ช่วงเวลาที่น่าเหลือเชื่อก่อนแสงแรกของตะวันจะสาดส่อง ก่อนสุริยกาล ช่วงเวลาที่ความมืดเข้าครอบงำทุกสิ่งเพียงผู้เดียว และโลกถูกปกคลุมไปด้วยสัตว์ร้ายแห่งนิลกาล สัตว์ร้ายเฉกเช่นเดียวกับ Night Stalker

ตำนานกล่าวไว้ว่าเมื่อรุ่งอรุณของวันแรกมาถึง สัตว์ร้ายแห่งความมืดได้สูญสลายไปจนหมด เว้นเพียงตนเดียว เขาเป็นดั่งศูนย์รวมแห่งความชั่วร้ายทั้งปวง Balanar ปลื้มปิติกับความเคียดแค้นที่เขามี เขาเป็นเหมือนต้นแบบของความกลัวยามค่ำคืน เหมือนกับ Boogeyman ตราบเท่าที่ยังมีเด็กน้อยไร้เดียงสา เขาจะเป็นผีร้ายที่จะคอยหลอกหลอนตลอดเวลา นี่เป็นบทบาทที่เขาเพลิดเพลิน ต่างกับมหรสพที่ดูว่างเปล่า เขาย่องตามพวกที่ไม่ระวังตัว พวกที่ไร้ทางสู้ พวกที่อยู่ไกลจากแสงไฟ หรือไม่สนใจคำเตือนของคนอื่น ๆ Night Stalker คือหลักฐานว่าฝันที่ร้ายที่สุดของเด็กทุก ๆ คน...มีอยู่จริง" "npc_dota_hero_broodmother_bio" "นานนับศตวรรษแล้วที่แมงมุมดำ Broodmother ซ่อนตัวอยู่ในปล่องลาวาอันมืดมิดใต้ภูเขาไฟ Pyrotheos อันคุกรุ่น คอยฟูมฟัก Spiderling นับล้านตัวให้ปลอดภัยก่อนจะส่งพวกมันขึ้นมาหาเหยื่อบนโลกเบื้องบน ในกาลต่อมา ที่ปรึกษาแห่ง Greed ชื่อ Ptholopthales ได้สร้างวิหารจากหินแม่เหล็กขึ้นที่ปล่องภูเขาไฟเก่า โดยหวังให้หัวขโมยผู้หวังความร่ำรวยจากแม่เหล็กของเขาต้องเอาตัวรอดจากผีแมงมุมที่เพ่นพ่านไปมา

หลังจากความสงบสุขนับพันปี Black Arachnia พบว่าตัวเธอมีปัญหากับหัวขโมยอยู่บ่อยครั้ง อัศวินผู้กล้าหรือหนุ่มผู้ดี แน่นอนว่าพวกมันทุกคนรสชาติดี และยังเป็นเหตุให้พื้นที่นี้ไม่เหมาะสมกับการเลี้ยงดูลูกน้อยผู้บริสุทธิ์ของเธอ จนเธอเหนื่อยหน่ายกับผู้บุกรุก เธอจึงขึ้นไปพบกับ Ptholopthales และเมื่อพบว่าเขาไม่คิดจะเจรจา เธอจึงจับที่ปรึกษามัดไว้ในใยและปล่อยให้เขาเป็นจานเด่นในงานเลี้ยงวันเกิดสุดพิเศษ

โชคร้าย การที่หัวหน้าแห่งวิหารแม่เหล็กหายไปทำให้ผู้บุกรุกรุ่นใหม่ได้ใจ เมื่อลูกน้อยตัวหนึ่งถูกเหยียบตายโดยนักเดินทางซุ่มซ่าม เธอจึงหมดความอดทน Broodmother มุ่งหน้าขึ้นสู่พื้นดิน ประกาศทำลายทุกสิ่งและผู้บุกรุกทุกคนที่พบเจอถึงคนสุดท้ายถ้าจำเป็น จนกว่าเธอจะแน่ใจได้ว่ารังของเธอจะปลอดภัยและเหมาะสมกับลูก ๆ อันมีค่าของเธออีกครั้ง" "npc_dota_hero_bounty_hunter_bio" "เมื่อเหล่าผู้ถูกล่าบอกเล่าเรื่องราวของ Gondar the Bounty Hunter ไม่มีใครแน่ใจว่าสิ่งใดคือความจริง เสียงกระซิบร่ำลือได้บอกว่าเขานั้นถูกทอดทิ้งเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ทิ้งให้เรียนรู้ทักษะการสะกดรอยเพื่อเอาชีวิตรอด ในขณะที่คนอื่นๆ ได้ยินมาว่าเขาคือเด็กกำพร้าจากสงครามซึ่งถูกนำไปเลี้ยงดูโดยนักล่าผู้ยิ่งใหญ่ Soruq และได้เรียนรู้วิชาดาบจากอาจารย์ขณะท่องไปในป่าอันดำมืดเพื่อออกล่า ยังมีอีกหลายคนที่เชื่อว่าเขาเคยเป็นเด็กข้างถนนที่ถูกเลี้ยงดูโดยนักกรีดกระเป๋าและพวกขโมย ฝึกฝนศิลปะการขโมยและหลอกล่อ ท่ามกลางแคมป์ไฟบ้านไม้ในป่าอันห่างไกล กรรมกรเหมืองได้เล่าข่าวลือของผลงานจาก Gondar ที่น่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก ผู้คนเล่าว่าเป็นเขาที่สะกดรอยติดตามราชาทรราช Goff อยู่เป็นปีหลังจากที่ราชาผู้บ้าคลั่งได้หลบซ่อนตัว โดยกลับมาพร้อมกับศีรษะและคทาของราชาทรราชเป็นหลักฐาน และเป็นเขาอีกเช่นกันที่ได้แฝงตัวเข้าไปในค่ายกบฏแห่ง Highseat ในที่สุดก็พาตัวจอมโจร White Cape ผู้ซึ่งเป็นตำนานเข้ามารับโทษในคดีที่ก่อไว้ และเป็นเขาอีกนั่นแหละ ที่ยุติเส้นทางอาชีพของนักล่า Soruq ผู้ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรผู้ฆ่ามังกรล้ำค่าของเจ้าชาย ตำนานของทักษะอันน่าทึ่งของ Gondar ที่แพร่กระจายต่อไป ยิ่งท้าทายมากขึ้นไปกว่าเรื่องราวก่อนหน้า เป้าหมายแต่ละรายยิ่งติดตามยากขึ้น ด้วยราคาที่สมควร ผู้ถูกล่าต่างรู้ดีว่าไม่ว่าใครก็ถูกตามล่าได้ทั้งนั้น ด้วยราคาที่เหมาะสม แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดยังต้องเผชิญกับความหวาดกลัวภายใต้เงามืด" "npc_dota_hero_weaver_bio" "ผืนผ้าแห่งการก่อกำเนิดต้องการการดูแลรักษา หากปล่อยให้มันเน่าเปื่อย ยามใดที่มันขาดวิ่น โลกทั้งใบก็จะยุบสลายตามไปด้วย มันเป็นงานของเหล่า Weaver ที่จะต้องถักทอผืนผ้าให้แน่นหนา ซ่อมแซมตำหนิที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง พวกมันยังป้องกันพวกที่จะมาเคี้ยวกินใยผ้าและวางไข่ในที่ที่ผ้าขาดรุ่งริ่ง ซึ่งพวกตัวอ่อนเหล่านี้สามารถกลืนกินจักรวาลทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วหาก Weaver ไม่ทันระวัง Skitskurr ซึ่งเป็นหัวหน้าของเหล่า Weaver ได้รับหน้าที่ในการดูแลผืนผ้าแห่งการกำเนิดเล็ก ๆ แห่งหนึ่งให้แน่นหนามิเสื่อมคลาย แต่หน้าที่ตำแหน่งนี้ก็ไม่เพียงพอที่จะเติมเต็มความต้องการของเขาได้ ด้วยความที่ว่าผลิตผลจากการกำเนิดต่าง ๆ ล้วนแต่เกิดขึ้นในอดีตนั้นรังควานใจเขายิ่งนัก เมื่อ Loom ทำงานเรียบร้อยแล้วออกเดินทางต่อ เขาต้องการที่จะสร้างมากกว่าที่จะรักษา เขาเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ในอาณาเขตของเขา แต่การสร้างทำให้เขาเสพติด เขายิ่งทะเยอทะยานมากขึ้น ถึงกับดึงเอาเส้นสายที่ทอไว้แล้วของ Loom ออกจากกัน

เหล่าอารักษ์ได้มาถึงพร้อมกรรไกร แล้วโลกของ Weaver ก็ถูกตัดออกจากสายใยของจักรวาลซึ่งถูกสร้างขึ้นใหม่โดยไม่มีเขา Skitskurr พบว่าตัวเองอยู่โดดเดี่ยวและตัดขาดจากเผ่าพันธุ์ของเขา นั่นเป็นสภาพที่ทรมานมากหากเป็น Weaver ตัวอื่น แต่ Skitskurr กลับปิติยินดี เพราะว่าบัดนี้เขาเป็นอิสระแล้ว อิสระที่จะสร้างด้วยตัวเขาเอง อิสระที่จะเริ่มต้นใหม่ วัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับการถักทอความเป็นจริงใหม่เรียงรายอยู่รอบตัวเขาแล้ว สิ่งที่เขาต้องทำนั้นเพียงแค่ตัดรอยตะเข็บของโลกเก่านี้ทิ้งเท่านั้น" "npc_dota_hero_jakiro_bio" "แม้จะอยู่ท่ามกลางเหล่าสัตว์อสูรเวทมนตร์ทั้งหลาย มังกรสองหัวก็ยังถือว่าประหลาดอยู่ดี เท่ากันทุกส่วน ทั้งเปลวเพลิงและน้ำแข็ง ความเจ้าเล่ห์และความบ้าคลั่ง สิ่งมีชีวิตนามว่า Jakiro ได้บินฝ่าสนามรบที่ไหม้เป็นตอตะโกและปกคลุมด้วยน้ำแข็ง ทิ้งไว้เพียงเศษซากของผู้ใดก็ตามที่กล้าเผชิญกับมัน ภายในไข่ของมังกร Pyrexae มักจะมีตัวอ่อนอยู่สองตัวเสมอ ความดุร้ายของพวกมันนั้นเป็นที่โจษจันแม้กระทั่งตอนเกิด ลูกมังกรที่เพิ่งฟักออกมาของเผ่าพันธุ์นี้จะพยายามเข่นฆ่าพี่น้องของตนขณะที่ยังคงอยู่ในรัง ผู้ที่เข็มแข็งที่สุดเท่านั้นจึงจะอยู่รอด วิถีชีวิตเช่นนี้ที่ทำให้ความแข็งแกร่งแห่งเผ่าพันธุ์ Pyrexae เป็นที่ประจักษ์ชัดเจน ด้วยความผิดพลาดบางประการของธรรมชาติ ตัวประหลาดอย่าง Jakiro จึงได้ฟักออกมาจากไข่ฟองเดียว ผสมรวมความสามารถอันหลากหลายทั้งหมดที่พบได้ในสายพันธุ์ Pyrexae หลอมรวมอยู่ภายในร่างอันใหญ่ผิดธรรมชาติ พลังแห่งไฟและน้ำแข็งได้รวมกันเป็นหนึ่ง บัดนี้ จะไม่มีศัตรูคนใดปลอดภัยอีกแล้ว" "npc_dota_hero_batrider_bio" "ไม่มีคำว่าปรองดองหรือสามัคคีในหมู่สัตว์ทั้งหลายแห่งป่าทึบ Raskav Jungle การแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอเพียงเล็กน้อยอาจหมายถึงความตาย ไม่ว่าจากการโดนกัด โดนข่วน โดนหนีบ หรือโดนกระทืบ พวกเขาว่ากันว่าเดิมที Rider เป็นเพียงคนเกี่ยวฟางข้าวในไร่ของครอบครัวตอนที่เขาโดนจับตัวไปโดยค้างคาวยักษ์ที่ออกหาอาหาร แต่เด็กชายกลับมีความคิดที่ดีกว่านั้น เขาดิ้นหลุดจากอุ้งเท้าที่จับเขาไว้ ปีนไปยังหลังของสัตว์ร้ายตัวนั้นและจัดการมันด้วยเครื่องมือของเขา หลังจากโผล่ขึ้นมาจากซากที่เต็มไปด้วยเลือด จิตใจของเขาเบิกบานด้วยความตื่นเต้นที่ได้โบยบินและได้ค้นพบสิ่งที่เขาตามหามาตลอด

เด็กชายได้เติบโตขึ้นและเขาจะกลับไปยังไร่ของครอบครัวทุก ๆ ฤดูร้อน เพื่อแอบซ่อนตามพุ่มไม้หวังว่าจะได้พบเจอกับความตื่นเต้นที่ได้เผชิญหน้าความตายอีกครั้งไม่ว่าจากเขี้ยวหรือจากการร่วงหล่นเฉกเช่นครั้งแรก วันเวลาผ่านไปแต่ไฟในใจของเขากลับลุกโหมยิ่งกว่าเดิม เขาศึกษาเกี่ยวกับป่าทึบและเข้าไปได้ลึกขึ้นทุก ๆ ครั้งที่สำรวจจนกระทั่งท้ายที่สุด เขาก็ได้ค้นพบทางไปสู่ถ้ำที่เต็มไปด้วยความมุ่งร้าย ว่ากันว่าช่วงเวลาพลบค่ำของฤดูร้อน Rider นำเพียงเชือกและขวดที่เต็มไปด้วยความกล้าหาญติดตัวไปพร้อมกับความมุ่งมั่นอันร้อนแรงเมื่อเข้าไปในป่าทึบเพื่อที่จะสัมผัสท้องฟ้าอีกครา..." "npc_dota_hero_chen_bio" "ในดินแดน Hazhadal ที่พระเจ้าทอดทิ้ง Chen ได้ถือกำเนิด และเติบโตมาท่ามกลางชนเผ่านอกรีตที่อาศัยอยู่ท่ามกลางความร้อนระอุของทะเลทราย ด้วยมนต์ควบคุมสัตว์โบราณ ผู้คนของ Chen ควบคุมบังคับ Locuthi มังกรหายากที่สามารถละลายทรายให้กลายเป็นแท่งแก้วสำหรับรองน้ำฝนที่จะตกทุก ๆ สองปี ชนเผ่ามักจะอดอยากและต้องหิวกระหายอยู่เสมอ รวมถึงต้องต่อสู้กันเองและต่อสู้กับเผ่าอื่น ๆ วันหนึ่งเผ่าของ Chen ก็ทำเรื่องผิดพลาดโดยไปซุ่มโจมตีกองคาราวานที่ไม่ควรจะโจมตี

การต่อสู้เกิดขึ้นตามมาและเผ่าของ Chen ไม่อาจสู้ได้ อัศวินเกราะเหล็กแห่ง Fold จัดการกับ Locuthi ที่ถูกควบคุมอย่างง่ายดาย ผู้คนถูกโจมตีและล้มตายลงเรื่อย ๆ เมื่อมังกรของพวกเขาตาย ชนเผ่าก็เริ่มแตกพ่าย Chen ต่อสู้ดิ้นรน ฟาดฟันทุกวิถีทางจนในที่สุดก็พ่ายแพ้ เขาคุกเข่าลงเผชิญหน้ากับการประหารด้วยความถ่อมตน โดยยื่นคอออกไปรอรับดาบด้วยความกล้าหาญ เพชฌฆาตหยุดดาบของเขาและเสนอให้ Chen เลือกระหว่างความตายกับการยอมสวามิภักดิ์ เขาเลือกหนทางแห่งชะตาอันขมขื่น เขาเข้าร่วมกับ Fold และได้รับเกราะเปื้อนเลือดของเขาคืนมา บัดนี้ ด้วยพลังสะกดอันเข้มแข็งและพลังในการควบคุมสัตว์อย่างสมบูรณ์ เขาจะค้นหาผู้ที่ไม่เชื่อในตัวเขาและสนองตอบพวกเขาด้วยรางวัลอันสูงสุด" "npc_dota_hero_spectre_bio" "Spectre หรือในชื่อของ Mercurial คือรูปร่างของพลังงานอันรุนแรงและเข้มข้น เปรียบเหมือนพลังงานที่ถ่ายเทจากที่สูงไปที่ต่ำ เธอพบว่าตัวเธอไม่อาจต้านทานในความหลงใหลความขัดแย้งที่ต่อสู้ห้ำหั่นกันที่พวกเขาแสดงในโลกแห่งวัตถุกายภาพ ขณะที่ร่างพลังงานของเธอขยายขอบเขตการรับรู้ออกไป ทุกครั้งเธอจะรับรู้ถึงเหตุการณ์บนโลกวัตถุ เธอจะสูญเสียตัวตนไปโดยไม่ตั้งใจ ท่ามกลางการต่อสู้ ร่างของเธอจะแตกกระจายก่อนจะรวมตัวขึ้นมาใหม่ และเธอก็เริ่มรู้สึกตัว เธอรับรู้ได้ว่าตัวเธอคือ Mercurial the Spectre -- ส่วนจิตหลอนอื่น ๆ ของเธอเป็นเพียงเงาร่างของ Spectre เพียงหนึ่งเดียว สติเกิดขึ้นท่ามกลางการดิ้นรนเอาตัวรอด เธอรวบรวมสติของเธอได้ จนถึงช่วงเวลาแห่งการตัดสินชัยชนะ เธอจะเปลี่ยนสภาพของเธอกลับไปเป็นรูปลักษณ์นิรันดร์อีกครั้ง" "npc_dota_hero_doom_bringer_bio" "เขาผู้ซึ่งลุกไหม้แต่ไม่ถูกครอบงำ กลืนกินแต่ไม่เคยอิ่ม สังหารและอยู่เหนือการพิพากษาทั้งหมด -- Lucifer นำความหายนะมาสู่ทุกคนผู้ที่ต่อต้านเขา พกพาเหล่าวิญญาณไว้บนปลายดาบที่ลุกเป็นไฟ เขาคือหนึ่งในผู้ตกอับ จากที่เคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นจอมทัพแห่งอาณาจักรเบื้องหลังแสงสว่าง แต่กลับถูกขับไสไล่ส่งจากการที่เขาแข็งข้อ ไม่ยอมทำตามคำสั่ง: เขาไม่ยอมที่จะคุกเข่าให้ใคร

ชื่อของเขาได้ดังก้องมาจากมหาระฆังแห่ง Vashundol ถึงหกครั้ง ปีกของเขาถูกตราไฟถึงหกสิบหกครั้ง จนกระทั่งเหลือแต่ส่วนโคนปีกที่ไหม้เป็นควันเท่านั้น เมื่อไม่มีปีก เขาก็แก้พันธนาการจากบ่วงโซ่ที่ล่ามเขาไว้กับแสงสว่างและร่วงหล่นตกลงมายังโลกพร้อมเสียงกรีดร้อง ก่อให้เกิดหลุมยักษ์ในทะเลทราย หลุดจากสรวงสวรรค์ บัดนี้เขาต่อสู้โดยไร้ซึ่งความปรานี ไร้ซึ่งจุดมุ่งหมาย เขาเป็นผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระในดินแดนแห่งความมืดทั้งเจ็ด ถูกกระตุ้นความต้องการที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จิตใจที่บิดเบี้ยวเนื่องด้วยความสามารถของตนเองซึ่งใครก็คาดไม่ถึง Doom นำพานรกติดตัวไปทุกที่ที่เขาไป ท้าทายต่อทุกสิ่งจนถึงที่สุด และท้ายที่สุดแล้วโลกใบนี้จะตกเป็นของ Doom" "npc_dota_hero_ancient_apparition_bio" "Kaldr หรือ Ancient Apparition เป็นภาพสะท้อนที่ฉายมาจากกาลเวลาภายนอก เขาตื่นขึ้นมาจากห้วงเวิ้งว้างอันหนาวเหน็บที่เกิดขึ้นก่อนจักรวาล และเฝ้าคอยดูจุดจบของมัน Kaldr นั้นเป็น เคยเป็น จะเป็นเพียงความจริงที่เลือนหายไปตามกาลเวลาที่เรารู้กันว่า เขาทรงพลังอย่างมาก แม้ว่านั่นนับว่าเทียบกันไม่ได้กับ Kaldr ที่แท้จริงผู้ซึ่งเป็นอมตะ บางคนเชื่อว่า แสงสว่างของ Kaldr จะเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ตามอายุขัยของจักรวาลที่ใกล้จะสิ้นสุดเข้าไปทุกขณะ--นั่นคือ Ancient Apparition จะดูเยาว์วัยขึ้นและแข็งแกร่งนดั่งจุดจบแห่งอนันต์ที่ใกล้เข้ามา สัมผัสแห่งน้ำแข็งของเขาจะนำพาจุดจบให้แก่ทุกสิ่ง ภาพร่างของเขาจะส่องแสงอันน่าสะพรึงกลัวให้แก่ผู้ที่พบเห็น ไม่เป็นเพียงภูติผีอีกต่อไป!" "npc_dota_hero_ursa_bio" "Ulfsaar the Warrior เป็นผู้ที่ดุร้ายที่สุดในเผ่าพันธุ์ของหมี ทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดินและพรรคพวกของเขา ในช่วงฤดูหนาวอันแสนยาวนานขณะที่แม่หมีกำลังนอนให้นมลูก ๆ ส่วนหมีตัวผู้ทั้งหลายก็คอยเดินลาดตระเวนอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย และเป็นผู้ปกป้องอย่างระแวดระวังเฉกเช่นเดียวกับที่บรรพบุรุษของพวกเขาทำสืบต่อกันมา เมื่อได้ยินข่าวลือมาลาง ๆ แต่ก็เริ่มที่จะแพร่สะพัดว่ามีปีศาจแผ่กระจายไปทั่วทุกที่ Ulfsaar จึงเดินทางออกจากดินแดนแห่งพงไพรอันเป็นบ้านเกิดของเขาเพื่อมุ่งหน้าสืบหาและจัดการกับผู้คุกคามที่ต้นกำเนิดของมันก่อนที่จะเป็นอันตรายต่อพรรคพวกของเขา เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าภาคภูมิใจซึ่งเต็มไปด้วยจิตวิญญาณอันแข็งแกร่ง เป็นที่น่าไว้วางใจอย่างยิ่ง เป็นพวกพ้องที่ซื่อสัตย์และเป็นผู้พิทักษ์ความสงบของหมู่บ้าน" "npc_dota_hero_gyrocopter_bio" "หลังจากการรับใช้กองทัพผ่านชีวิตทั้งจากสงคราม การพลิกผัน หายนะ และการปฏิวัติมามากมาย ช่างทองเหลือง Aurel ได้เห็นมาพอแล้ว ไม่เพียงแค่เครื่องประดับเล็กน้อยและเงินเก็บส่วนตัว อดีตวิศวกรจากมาพร้อมกับสิ่งน่าสนใจยิ่งกว่า มันคือแบบแปลนโบราณที่ยังไม่สมบูรณ์ของ Gyrocopter สิ่งประดิษฐ์ชิ้นแรกจากฝีมือมนุษย์และเป็นอากาศยานที่ไม่ใช้เวทมนตร์ เขาเกษียณไปยังที่ใดที่หนึ่งในเขตร้อนแห่ง Ash Archipelago โดยมีเพียงเวลาและทุนทรัพย์ เขาตั้งใจจะสร้างอุปกรณ์นี้

หลายปีผ่านไปและกองซากแบบทดลองที่ล้มเหลวก็กองสูงขึ้น เขาเริ่มสงสัยว่าจักรกลอากาศยานจะเป็นไปได้จริงหรือไม่ หลังจากเกษียณมาสิบปีกับอีกหนึ่งวัน ในบ่ายวันที่แดดสดใสและลมทางใต้พัดมา Aurel นั่งลงในความพยายามสุดท้ายของเขา ขนลุกเพราะความท้อแท้และความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น ด้วยความพยายามอย่างยิ่ง เขาดึงเชือกเพื่อติดเครื่องยนต์และพยายามกันหัวตัวเองเอาไว้ รอการระเบิดที่ไม่อาจเลี่ยงได้ แต่เขาก็ประหลาดใจเมื่อเขาเริ่มลอยตัวขึ้น ตามด้วยความแตกตื่นเล็กน้อยในการควบคุมและปรับสมดุล ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง เขาเริ่มดิ่งดำและโซเซไปตามสายลม เปลี่ยนระดับความสูงด้วยปีก และ Aurel พบว่าตัวเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นแทบขาดใจจากการบิน

ขณะที่กำลังพลบค่ำ เขาตั้งเส้นทางกลับไปยังโรงงานของเขา แต่ไม่นานนักเขาก็หันยานกลับเมื่อลูกปืนใหญ่ลูกหนึ่งฉีกทำลายครีบหางของเครื่องบินจนตกลงมา หลังจากพาตัวเองหลุดออกมาจากซากเครื่องได้ เขาว่ายน้ำกลับไปยังชายฝั่งที่เห็นใกล้ที่สุด และสาบแช่งเรือเจ้าของลูกปืนใหญ่ที่กำลังเก็บซากเครื่องของเขาอยู่ หลายวันต่อมา เมื่อ Aurel ย้อนกลับไปยังโรงงานของเขา เขาตั้งใจสร้าง Gyrocopter ขึ้นมาอีกลำ และลำใหม่นี้จะสามารถบรรทุกอาวุธที่หนักกว่าและอันตรายกว่าที่ผ่านมามากกว่าเดิม" "npc_dota_hero_spirit_breaker_bio" "Barathrum the Spirit Breaker คือสิ่งมีชีวิตที่สูงศักดิ์และทรงพลัง เป็นส่วนประกอบของความดุร้ายและความเฉลียวฉลาดซึ่งเลือกที่จะเคลื่อนย้ายตัวเองเพื่อข้ามมิติมายังโลกแห่งสสารเพื่อที่จะเข้าร่วมในเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่ออาณาจักรแห่งธาตุบ้านเกิดของเขา ด้วยประสงค์ที่จะรวมร่างกับสิ่งที่จะทำให้เขาเก่งกาจขึ้นจากสิ่งที่อยู่ในโลกของเราและนอกโลก ร่างที่เป็นรูปธรรมของเขานั้นหยิบยืมความแข็งแกร่งมาจากโลกใบนี้ ผสมผสานความโดดเด่นจากทั้งวัวและลิง — เขา กีบเท้าและมือ แสดงให้เห็นถึงสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง ความเร็ว และความเจ้าเล่ห์อันเป็นเลิศของเขา เขาสวมห่วงวงแหวนไว้ที่จมูกของเขาเพื่อเป็นสิ่งย้ำเตือนว่าเขารับใช้เจ้านายผู้ไม่เคยมีใครพบเห็น และโลกแห่งนี้ที่เขาอาศัยอยู่นั้นเป็นเพียงแค่เงาจากโลกแห่งความจริงเท่านั้น" "npc_dota_hero_alchemist_bio" "ศาสตร์อันศักดิ์สิทธิ์แห่งการเล่นแร่แปรธาตุเป็นสิ่งที่สืบทอดกันมาหลายชั่วตระกูล Darkbrew แต่ไม่มี Darkbrew คนใดแสดงความสร้างสรรค์ ความทะเยอทะยาน และความกล้าบ้าบิ่นแต่วัยเยาว์เช่นเดียวกับ Razzil น้อย อย่างไรก็ตาม เมื่อเติบโตขึ้นเขาได้ทิ้งการค้าขายของครอบครัวไปทดลองสร้างทองคำผ่านทางการเล่นแร่แปรธาตุ

ในการเสี่ยงที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเขาเอง Razzil ประกาศว่าเขาจะเปลี่ยนภูเขาทั้งลูกให้กลายเป็นทอง ยี่สิบปีหลังจากค้นคว้า ใช้จ่าย และเตรียมการ เขาล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ต่อมาเขาถูกขังเนื่องจากการทดลองของเขาก่อให้เกิดการทำลายล้างเป็นวงกว้าง แต่กระนั้น Razzil ไม่ใช่คนที่จะท้อถอยง่าย ๆ และได้พยายามหาทางหลบหนีเพื่อดำเนินงานศึกษาวิจัยของเขาต่อ

เมื่อเพื่อนร่วมห้องขังคือยักษ์ผู้ดุดัน เขาพบโอกาสที่เขาต้องการ หลังจากชักจูงยักษ์ตนนั้นไม่ให้กินเขาได้ Razzil บรรจงผสมยาให้มันดื่ม ยาที่ทำจากเห็ดราที่หาได้จากห้องทำงานในคุก ภายในสัปดาห์เดียวโอกาสก็มาถึง เมื่อยักษ์ตนนั้นดื่มยาเข้าไป ยักษ์นั้นบ้าคลั่งอย่างที่ไม่มีใครหยุดได้ ทำลายลูกกรงและระเบิดกำแพงออกไปเช่นเดียวกับผู้คุม

ต่อมาพวกเขายืนอยู่กลางป่าท่ามกลางซากเมืองที่พังพินาศโดยไม่มีใครไล่ตามมา ผลข้างเคียงของยาทำให้ยักษ์ดูสงบ มีความสุข กระทั่งอดทนรอคำสั่งได้ พวกเขาตกลงว่าจะทำงานร่วมกัน ทั้งคู่ออกเดินทางเพื่อค้นหาวัตถุดิบของ Razzil สำหรับความพยายามที่จะแปรธาตุอีกครั้ง" "npc_dota_hero_invoker_bio" "ในช่วงเวลาเริ่มแรก หรืออาจจะเรียกว่าเป็นรูปแบบที่ทรงพลังที่สุด เวทมนตร์เคยเป็นศาสตร์แห่งการจำ มันไม่ต้องการวิทยาการใด ไม่ต้องมีไม้เท้าหรืออุปกรณ์ประกอบอื่นใดนอกจากพลังจิตของพ่อมดเอง สิ่งประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ล้วนเป็นสิ่งช่วยจำ เพื่อให้ผู้ฝึกหัดสามารถจดจำรายละเอียดมากมายของสูตรเฉพาะแห่งจิตใจที่จะปลดปล่อยพลังแห่งเวทมนตร์

พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ในยุคนั้นคือผู้ที่มีพรสวรรค์ในการจดจำอย่างยิ่ง เป็นผู้ที่สามารถจดจำการร่ายมนตร์ต่าง ๆ ที่พ่อมดทุกคนต้องฝึกฝนจนชำนาญ ผู้ที่ทุ่มเทที่สุดอาจหวังได้ว่าในช่วงชีวิตหนึ่งอาจจะชำนาญในมนตร์เพียงสามหรือสี่บทเป็นอย่างมาก พ่อมดทั่วไปมักจะเรียนรู้ได้เพียงสอง และเป็นเรื่องปรกติที่พ่อมดประจำหมู่บ้านจะรู้เพียงบทเดียวเท่านั้น ซึ่งทำให้เขาต้องพึ่งพาคัมภีร์เวทในการจดจำเวทมนตร์ที่ไม่ค่อยได้ใช้ในกรณีที่เขาถูกเรียกไปเพื่อการนั้น

แต่ท่ามกลางผู้ฝึกหัดในยุคเริ่มแรกก็ยังมีข้อยกเว้น อัจฉริยะผู้ฉลาดล้ำและมีความจำดีเลิศผู้นั้นซึ่งต่อมา เป็นที่รู้จักกันในนาม Invoker ในวัยเด็กของเขา เขาเป็นพ่อมดผู้มีความสามารถเกินตัวช่ำชองที่ไม่เพียงสามารถจำได้ถึงสี่ ห้า หรือเจ็ดบท แต่เขาสามารถร่ายเวทได้ไม่ต่ำกว่าสิบเวท และสามารถเรียกใช้ได้ในทันที และยังมีมากกว่านี้ที่เขาได้เรียนรู้แต่พบว่ามันไร้ประโยชน์ เมื่อเคยฝึกมาเพียงครั้งเดียวแล้ว เขาก็ไม่คิดจะจำมันไปตลอดกาล เพื่อจะได้เหลือที่ว่างไว้สำหรับเวทที่มีประโยชน์มากกว่า เวทบทหนึ่งในนั้นคือ Sempiternal Cantrap -- เวทยืดชีวิตที่พลังรุนแรงขนาดผู้ที่ร่ายเวทนี้ในยุคแรก ๆ ของพื้นพิภพยังคงมีชีวิตอยู่มาจนถึงในยุคของพวกเรา (เว้นแต่ว่าพวกเขาถูกขยี้จนแหลกเป็นจุล)

ผู้กึ่งอมตะเหล่านี้ต่างใช้ชีวิตอย่างสงบและหวาดกลัวที่จะสารภาพความลับของเขา แต่ Invoker ไม่ใช่คนที่จะเก็บซ่อนความสามารถเอาไว้ เขาคือบรรพชน ผู้เรียนรู้มาก่อนผู้ใด และจิตใจของเขายังคงมีที่ว่างสำหรับสำนึกอันล้ำลึกแห่งคุณค่าของตัวเขาเอง ดั่งเช่นมนตร์ต่าง ๆ ที่เขาเล่นสนุกกับมันมาตลอดตั้งแต่ยุครุ่งอรุณในทุก ๆ วันที่โลกกำลังดับสูญไปเรื่อย ๆ" "npc_dota_hero_silencer_bio" "Nortrom สมาชิกของรุ่นที่ 7 และรุ่นสุดท้ายจากเชื้อสายที่ถูกคัดสรรและเลี้ยงดูอย่างดีโดยนิกาย Aeol Drias อันเก่าแก่เพื่อจะฟูมฟักให้เป็นจอมเวทที่เก่งกาจที่สุดเท่าที่โลกเคยเห็นมา เขาคือเด็กในคำทำนาย จุดสูงสุดของการจับคู่กันอย่างระมัดระวังเป็นเวลาสองร้อยปี นักรบเวทผู้ที่จะนำพาความยิ่งใหญ่คืนสู่นิกายและความย่อยยับมาสู่ศัตรูคู่อาฆาตของพวกเขา The Knights of the Fold

เขาและจอมเวทเยาว์วัยคนอื่น ๆ ถูกเลี้ยงดูอยู่ในฐานทัพลับบริเวณหุบเขาอันแห้งแล้งแห่ง Hazhadal เหล่าผู้ฝึกสอนของนิกายต่างก็เฝ้ารอให้ความสามารถของ Nortrom ปรากฏออกมา ในขณะที่นักเรียนคนอื่น ๆ ต่างฝึกฝนเวทอัคคี น้ำแข็ง หรือการปลุกเสก แต่ Nortrom กลับทำได้แค่เพียงนั่งอย่างเงียบเชียบและไร้ซึ่งฝีมือ ทำได้อย่างมากแค่เพียงเวทคำสาป วันเวลาแห่งการทดสอบสุดท้ายใกล้เข้ามาแต่เขาก็ยังไม่สามารถค้นหาเวทที่เหมาะสมกับเขาได้เลย เหล่าผู้ฝึกสอนต่างก็ตำหนิเขาและเด็กคนอื่น ๆ ต่างก็หัวเราะเยาะเขาด้วยความรังเกียจ \"คนอย่างเจ้าไม่มีวันได้เป็นจอมเวทหรอก\" หัวหน้าของนิกายได้กล่าวไว้ ถึงกระนั้น Nortrom ก็ไม่คิดที่จะหันหน้าหนี เขาเข้าร่วมการทดสอบและเผชิญหน้ากับจอมเวทน้อยที่เคยดูถูกเขา และในที่สุดเหล่าผู้ฝึกสอนก็ได้เรียนรู้บทเรียนที่มีค่าที่สุด บางครั้งการที่ไร้เวทอาจจะเป็นเวทที่ยิ่งใหญ่ที่สุด Nortrom สาปจอมเวทน้อยทำให้ไม่สามารถร่ายเวทได้เลยทีละคน คนแล้วคนเล่า และจัดการทุกคนในการต่อสู้เพียงครั้งเดียว ในที่สุดก็เหลือเขาคนเดียวที่ครอบครองตำแหน่งชนะเลิศ เป็นจุดสูงสุดแห่ง Aeol Drias ในฐานะเด็กที่จะมาเติมเต็มและทำให้คำทำนายนี้เป็นจริง" "npc_dota_hero_obsidian_destroyer_bio" "หนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่สูงส่งและสง่า Harbinger เดินทางป้วนเปี้ยนอยู่สุดเขต Void ผู้เฝ้ายามเพียงหนึ่งเดียวแห่งสุดขอบขุมนรก ณ บริเวณ Outworld ที่เต็มไปด้วยผลึกแก้ว เขาจดจ้องสรวงสวรรค์มานานแทบจะชั่วนิรันดร์ เฝ้าระวังภัยร้ายจากราตรีไร้ขอบเขตที่ไกลโพ้นกว่าดวงดารา ลวดลายที่ฝังลึกอยู่ในสติปัญญาของเขานั้นสุกสกาวคล้ายกับคำทำนาย บทเพลงอันลึกลับบ่งบอกเป็นนัยถึงสิ่งชั่วร้ายจะถูกปลุกขึ้น เกินกว่าที่จะจินตนาการ และมันจะมุ่งเป้ามายังโลกที่มันสนใจ โลกของพวกเรา ทั้งชีวิตของเขาทุ่มเทให้กับการเฝ้าระวัง Outworld Destroyer จึงไม่ค่อยสนใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใกล้กับดวงสุริยา แต่ท้ายที่สุดด้วยเสียงแผดร้องของสิ่งมีชีวิตโบราณพร้อมกับการสัมผัสได้ถึงปัญหาที่เติบโตจากภายนอกและภายใน ส่งผลให้เขาต้องโบยบินสู่ตะวันเพื่อมาเยือนท้องทุ่งแห่งสงคราม ฐานะของ Harbinger ในคำทำนายของพวกเขานั้นเป็นที่แน่ชัด: เขาเป็นเหมือนลางบ่งบอกถึงสิ่งชั่วร้ายที่กำลังจะตามมา แต่การมาถึงของเขานั้นก็เลวร้ายเพียงพอแล้ว " "npc_dota_hero_lycan_bio" "Banehallow สืบเชื้อสายชนชั้นสูงมาจากตระกูล Ambry ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาชนชั้นสูงที่ครอบครองพื้นที่มากที่สุดในราชอาณาจักรเก่าแก่ Slom ในช่วงก่อนการล่มสลาย ราชาผู้แสวงหาแต่อำนาจ ทั้งคณะอำมาตย์ของเขาที่มีแต่พ่อมดและนักต้มตุ๋นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ตระกูล Ambry เป็นตระกูลแรกที่ลุกขึ้นต่อสู้กับความละโมบต่อราชบัลลังก์ โดยปฏิเสธที่จะถวายการสวามิภักดิ์และความจงรักภักดี กลับกันพวกเขาส่งทหารหกพันนายไปยังเมืองหลวง ที่ซึ่งทหารเหล่านั้นถูกกวาดล้างในโศกนาฏกรรมแห่ง Apostates ผลลัพธ์ที่ได้คือบทเรียนอันเก่าแก่และเป็นจริงที่ว่า หากคิดจะก่อกบฏพึงสังหารกษัตริย์ให้สิ้น

ด้วยความโกรธแค้นจากการถูกทรยศ ราชาสั่งฆ่าล้างตระกูล Ambry ทุกคน เว้นเพียงลอร์ดเจ้าตระกูลและบุตรคนสุดท้อง Banehallow ต่อหน้าศาลแห่งราชสำนัก พร้อมทั้งลอร์ดผู้ถูกล่ามไว้กับพื้นหินอ่อนอย่างอัปยศ กษัตริย์สั่งให้พ่อมดของเขาสาปเด็กชายให้กลายเป็นหมาป่าเพื่อให้บุตรชายขย้ำคอของบิดาแท้ ๆ ของเขา \"จัดการเสีย\" ราชากล่าว \"เพื่อให้ลอร์ด Ambry ได้รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดจากการถูกทรยศ\" เวทมนตร์อันทรงพลังได้ถูกร่ายออกมา และร่างกายเด็กชายก็แปรเปลี่ยนไป แต่ถึงแม้ร่างจะเปลี่ยนไปแต่จิตใจของเขายังคงอยู่ แทนที่จะกัดคอซึ่งเปิดโล่งของบิดา เขากลับโจมตีคนที่ควบคุมเขาอยู่ ฉีกกระชากพวกมันออกเป็นชิ้น ๆ อัศวินของราชาถูกฆ่าตายไปกว่า 12 คน ด้วยคมเขี้ยวหมาป่าก่อนที่พวกเขาจะสามารถขับไล่มันออกไปสู่ยามวิกาลได้ ลอร์ด Ambry หัวเราะทั้งที่ยังถูกล่าม แม้กระทั่งขณะที่ราชาไล่ดาบตัดทะลุตัวเขาก็ตาม บัดนี้ ทายาทคนสุดท้ายแห่งตระกูล Ambry อันสาบสูญ Banehallow เร่รอนไปตามหนทางในฐานะ Lycan นักรบครึ่งมนุษย์ครึ่งหมาป่า เพื่อเสาะหาความยุติธรรมสำหรับทุกสิ่งที่เขาสูญเสียไป" "npc_dota_hero_lone_druid_bio" "เนิ่นนานก่อนคำแรกในประวัติศาสตร์แรกจะจารึก เผ่า Druidic Bear ได้เติบโตขึ้น เปี่ยมด้วยปัญญาเช่นที่พวกเขาเป็นมา และมุ่งแสวงหาหนทางของพวกเขาเองในการเข้าใจกฎแห่งธรรมชาติ พลังธรรมชาติอันศักดิ์สิทธิ์เล็งเห็นความพยายามนี้ และได้เสาะหาผู้ที่เรียนรู้ได้มากที่สุดในหมู่พวกเขา ผู้อาวุโส Sylla ผู้เป็นทั้งตุลาการและนักทำนายแห่งชนเผ่า ผู้เฒ่าได้อาสาเป็นตัวแทนพี่น้องและได้รับเมล็ดพันธุ์พร้อมกับคำสั่ง \"เมื่อทุกภพอับแสง เมื่อทุกอารยจากดินแดน เมื่อทุกโลกถูกทำลายกลายเป็นทะเลทรายกว้างไกลสุดตา เมื่อสิ้นยุคสมัย ให้ปลูกเมล็ดพันธุ์นี้\"

และเมื่อเขาเชื่อมั่นในคำสั่ง เขารู้สึกถึงวัยหนุ่มและพละกำลังที่เพิ่มขึ้นมา ความรู้มากมายพุ่งเข้ามาในความคิดของเขา เขาพบว่าตัวเขาสามารถสร้างภาพความคิดให้กลายเป็นจริงได้ และด้วยความตั้งใจอีกนิดหน่อย เขาสามารถเปลี่ยนร่างได้ดั่งใจ เมื่อเสียงกระซิบแผ่วเบาบอกเล่าคำพูดจากเมล็ดพันธุ์และพลังของมันเลื่องลือไปถึงผู้คนมากมาย สงครามอันโหดร้ายก็เกิดขึ้นกับเผ่าหมี เมื่อบ้านเดิมของชนเผ่าถูกเผาทำลาย Sylla แบกรับภาระหน้าที่และหนีไปยังป่าลึก

ยุคสมัยผ่านพ้นไป เวลาและตำนานได้ลืมเผ่าหมีจนหมดสิ้น ลืมเรื่องราวของ Sylla และเมล็ดพันธุ์ ลืมร่องรอยอารยธรรมมหัศจรรย์แห่งเผ่าหมีที่เกิดขึ้นและล่มสลายไป ผ่านเวลาดังชั่วกัปกัลป์ Sylla ยังคงรอ รอคำสั่งจากเหล่าเทพของเขา รอความสงบที่จะมาถึงทุกดินแดนที่ยังมีสงคราม รอในสถานที่ลึกลับห่างไกลเพื่อรอจุดจบของทุกสรรพสิ่งและบทสรุปแห่งคำมั่นสัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ที่เขาได้ให้ไว้ เตรียมตัวเขาอยู่ตลอดให้พร้อมจะเผชิญและทำลายทุกสิ่งที่กล้าท้าทายความตั้งใจของเขา" "npc_dota_hero_brewmaster_bio" "ลึกเข้าไปในเทือกเขา Wailing กลางหุบเขาภายใต้ซากเมืองร้าง ลัทธินิกายเก่าแก่แห่ง Oyo ได้เฝ้าฝึกฝนญาณศักดิ์สิทธิ์มานับศตวรรษ สื่อสารกับอาณาจักรวิญญาณผ่านการดื่มสุราจนเมามาย ทารกผู้กำเนิดโดยเลือดเนื้อของมารดาด้วยคุณพ่อ Celestial หนุ่มน้อยนาม Mangix คือเด็กคนแรกที่เติบโตขึ้นมาพร้อมกับพรสวรรค์จากทั้งสองสายเลือด เขาฝึกฝนกับศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในนิกาย ทุ่มเทให้กับการดื่มจนในที่สุดก็ได้รับสิทธิ์ที่จะท้าชิงตำแหน่ง Brewmaster ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติสูงสุดในหมู่นักหมักเหล้า

การแข่งร่ำสุรารุนแรงดั่งต่อสู้แลกชีวิต เก้าวันที่ Mangix ดื่มและสู้กับอาจารย์เฒ่า เก้าคืนที่พวกเขาสะดุด ล้มกลิ้งไปด้วยกัน ดื่มและต่อสู้ จนในที่สุดอาจารย์เฒ่าก็ล้มลงเมามายไม่ได้สติ ณ ตอนนั้นเองที่ Brewmaster คนใหม่ได้รับการขนานนาม บัดนี้ Brewmaster หนุ่มคนใหม่ได้ปลุกเหล่าบรรพชนแห่ง Oyo เพื่อเร่งคทาของเขา ยามใดที่ใช้เวทมนตร์เขาจะกลายเป็นดั่งวิญญาณบรรพบุรุษ เช่นเดียวกับ Brewmaster รุ่นก่อน เขาแยกจากผู้คนของเขาเพื่อออกไปทำภารกิจเพียงหนึ่งเดียว เขาท่องไปทั่วแดน มุ่งสู่การรู้แจ้งผ่านการดื่ม ค้นหาคำตอบสู่เหล่าโบราณจิตวิญญาณที่แตกแยก หวังว่าจะพบสักวิธีที่จะหลอมรวมมิติวิญญาณและแดนมนุษย์กลับเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้งหนึ่ง" "npc_dota_hero_shadow_demon_bio" "ในบรรดาจอมปีศาจที่สามารถมายังโลกนี้ได้อย่างเปิดเผย Doom นั้นไม่ค่อยจะสนใจเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับนรกและพวกปีศาจชั้นต่ำ ในขณะที่ Shadow Fiend ข้ามผ่านมายังโลกเพื่อเก็บวิญญาณโดยเฉพาะ แต่สำหรับ Shadow Demon นั้นต่างออกไป เขาได้ให้ความสนใจกับโลกนี้มายาวนานราวกับว่าการควบคุมมิตินี้จะเป็นกุญแจหลักที่จะใช้ในการครอบครองมิติที่เหลือทั้งหมด

หลังจากการถูกอัญเชิญครั้งแรกโดยพ่อมดฝึกหัด Shadow Demon ได้ทำให้พรที่ขอมาทุกข้อสมปรารถนา และแสดงให้เห็นถึงพลังอันน่าประทับใจจนกระทั่งได้รับความสนใจจากนักอสุรวิทยาที่ยิ่งใหญ่หลายคนจวบจนขุนนาง ทรราช นักปกครองแบบเอกาธิปไตย และพระมหาสังฆราชาผู้ต้องพึ่งพาเวทมนตร์เพื่อรักษาอำนาจของตนเองไว้ การหลอกลวงอย่างแยบยลของเขาทำให้ผู้อัญเชิญทุกคนคิดว่าตัวเองเป็นนายและ Shadow Demon เป็นผู้รับใช้ อันที่จริงเขากำลังกัดกร่อนตัวตน และเข้าควบคุมจิตใจของทุก ๆ คน ท้ายที่สุด สมาชิกเกือบทุกคนของลัทธิก็เป็นเพียงหุ่นเชิดไร้ซึ่งวิญญาณ หุ่นเชิดที่จะขยายอำนาจอันชั่วร้ายของเขา

ไม่มีใครคาดเดาความคิดของ Shadow Demon ได้ ซึ่ง ณ ขณะนั้น Nevermore the Shadow Fiend ก็ได้แต่ลิ้มรสวิญญาณอันน่าสะอิดสะเอียนเท่านั้น วิญญาณซึ่งแท้จริงแล้วมีแก่นแท้เป็น Shadow Demon หลังจากที่ตระหนักได้ถึงการปฏิวัติที่กำลังจะเกิดขึ้น และความสมดุลด้วยสนธิสัญญา Umbral ที่มีมายาวนานกำลังจะเปลี่ยนไป Doom และ Shadow Fiend จึงได้ร่วมมือกันชั่วคราวเพื่อทำลายลัทธิที่เพิ่งออกหน่อนี้ให้สิ้นซาก จากการร่วมมือกันของมหาอำนาจทั้งสองได้ทำลายผลงาน และลัทธิของ Shadow Demon ที่ใช้เวลาสร้างมากว่าศตวรรษลงอย่างราบคาบ สมาชิกทุกคนเหลือเพียงแค่รอยเลือดที่สาดกระเซ็น ไม่หลงเหลืออะไรอยู่นอกจากเงาเล็ก ๆ ของปีศาจตนหนึ่ง แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับฝุ่นธุลีที่ไม่มีวันตาย เพียงพอแล้วที่เศษเสี้ยวอันชั่วร้ายจะหว่านเมล็ดพันธุ์เพื่อเตรียมการสำหรับแผนต่อไปของ Shadow Demon อีกหลายศตวรรษต่อมา เขาก็เริ่มก่อตั้งกลุ่มใหม่อีกครั้ง

สิ่งใดก็ตามที่โดนเศษเสี้ยวของเงานั้นสัมผัสย่อมแปดเปื้อน และขยายฐานอำนาจให้กว้างออกไป ความยุ่งเหยิงจากชิ้นส่วนที่เสียหายได้ถูกดึงดูดให้มารวมตัวกัน ถักทอ และหล่อหลอมเพื่อสร้างร่างใหม่ให้แก่ Shadow Demon ร่างใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม บัดนี้ ร่างกายของเขาสมบูรณ์แบบแล้วและไร้ซึ่งจุดอ่อน พร้อมสำหรับแผนการที่จะครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง ดูเหมือนว่าสิ่งมีชีวิตที่มีแต่ความเกลียดชัง ความชั่วร้าย และเป็นภัยต่อทุกชีวิตนั้น ไม่สมควรจะอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ แม้กระนั้น Shadow Demon ก็มิเคยปราศจากผู้ติดตาม" "npc_dota_hero_chaos_knight_bio" "ทหารผ่านศึกผู้ผ่านสมรภูมิมานับไม่ถ้วนในหลายพันภพภูมิ Chaos Knight ลงมาจากพิภพเบื้องบนอันไกลโพ้น ที่ซึ่งกฎพื้นฐานของจักรวาลถูกตีแผ่ออกอย่างน่ารู้สึกได้ ท่ามกลางสัจธรรมโบราณทั้งมวล เขาคือที่สุดแห่งสิ่งที่อายุเก่าแก่และไม่รู้จักเหนื่อยล้า ออกค้นหาสิ่งที่เขารู้เพียงว่ามันคือ \"แสงสว่าง\" อย่างไม่จบสิ้น นานมาแล้วแสงสว่างเสี่ยงออกจากดินแดนต้นกำเนิดเพื่อต่อต้านพันธสัญญาแรก บัดนี้ Chaos Knight เดินทางจากภพหนึ่งไปยังอีกภพหนึ่ง มุ่งทำลายล้างแสงสว่างอย่างไม่ลดละ เมื่อใดที่เขาพบมัน หลายพันครั้งแล้วที่เขาดับแสงนั้น และทุกครั้งเขาจะถูกส่งไปยังโลกอื่นเพื่อเริ่มการค้นหาอีกครั้ง

เขาควบอาชานาม Armageddon บุกตะลุยเข้าสู่สมรภูมิด้วยความบ้าคลั่ง ดึงพละกำลังจากจักรวาลที่ยุ่งเหยิง เป็นการปรากฏตัวของความอลวนทางกายภาพอย่างชัดเจน ในยามที่จำเป็นเขาสามารถเรียกตัวตนของตนเองจากภพอื่น ๆ ออกมา และเหล่าทหารม้าแห่งความมืดเหล่านี้ก็ควบม้าศึกเข้าสู่สมรภูมิร่วมกัน ไม่ว่าสิ่งใด ๆ ก็ไม่อาจหยุดพวกมันได้ จนกว่าแสงสุดท้ายของโลกจะถูกดับออกไปเพียงเท่านั้นจึงจะจบลง ที่ใดที่ Chaos Knight ควบม้าไป ความตายจะตามมาบังเกิดในไม่ช้า" "npc_dota_hero_ogre_magi_bio" "Orge ทั่วไปคือสิ่งมีชีวิตที่ถูกเปรียบว่า \"โง่เหมือนถุงใส่ค้อนหิน\" ในชีวิตปรกติทั่วไป Ogre ไร้ความสามารถในการตัดสินใจโดยสิ้นเชิง อาบฝุ่นอยู่เสมอและบางครั้งที่มันพบว่าตัวมันพาดหนังสัตว์หลังจากกินเหยื่อลงไป และเพราะไม่ค่อยเข้าสังคม บ่อยครั้งที่มันพูดคุยอย่างถูกคอกับกองหินและตอไม้ที่มันเข้าใจผิดว่าเป็นพวกพ้อง (ปัจจัยหนึ่งที่อธิบายถึงอัตราการเกิดต่ำของพวกมัน) อย่างไรก็ตาม จะมีซักครั้งในช่วงอายุขัย เผ่า Ogre จะโชคดีมีจอมเวท Ogre สองหัวถือกำเนิดขึ้น ซึ่งจะถูกเรียกด้วยชื่อตามประเพณีว่า Aggron Stonebreak ทันที ชื่อของ Ogre ตนแรกและอาจจะเพียงหนึ่งเดียวที่เฉลียวฉลาดในประวัติศาสตร์ของพวกมัน

เพราะมีสองหัว Ogre Magi พบว่าสองหัวของมันสามารถทำงานได้เท่ากับหนึ่งหัวของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ส่วนใหญ่ ขณะที่ Ogre magi จะไม่อาจโต้เถียงใครได้ (แม้แต่ตัวเอง) มันได้รับพรอันยิ่งใหญ่ที่รู้จักกันในนาม \"โชคดี\" สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นโดยบังเอิญพลิกชะตาของเผ่า Ogre ให้รุ่งเรืองแม้จะพบกับศัตรู อากาศเลวร้าย หรือความอดอยาก ราวกับว่าเทพธิดาแห่งโชคเปี่ยมไปด้วยความสงสารเผ่าพันธุ์อันโง่เขลาและได้คุ้มครอง Orge Magi ไว้ใต้ปีกของเธอ ใครจะโทษเธอได้ล่ะ พวกที่น่าสงสารทั้งหลาย" "npc_dota_hero_treant_bio" "ไกลออกไปทางตะวันตก ในเทือกเขาเหนือหุบเขาแห่งการทำนาย Vale of Augury มีเศษซากแห่งอำนาจโบราณ บ่อน้ำแห่งพลังงานซึ่งผิดธรรมชาติ ซ่อนตัวอยู่ลึกเข้าไปในป่าทึบ มีคำร่ำลือว่าสิ่งที่เติบโตที่นี่ เติบโตอย่างแปลกประหลาด สำหรับพลังธรรมชาติแล้วที่นี่คือแดนศักดิ์สิทธิ์ ถูกสร้างขึ้นมาให้ถูกหลบซ่อนและไม่เป็นที่รู้จัก ภายในเต็มไปด้วยกับดักและอันตรายมากมาย -- ผืนหญ้าที่กลืนกินทุกอย่าง ทั้งสัตว์พันธุ์ผสมและดอกไม้พิษ -- แต่ไม่มีใครจะดุร้ายและทรงพลังเท่าพวก Treant Protector

พวกเขามีอายุยืนยาวไม่สิ้นสุด มีร่างกายใหญ่ยักษ์ มีหน้าที่รักษาความสงบในแดนอันตรายแห่งนี้ ทำให้มั่นใจว่าไม่มีใครรุกล้ำเข้ามาโดยไม่มีเหตุผล และไม่มีใครล่วงละเมิดความลับของพวกเขาได้ ตั้งแต่เมื่อใดไม่อาจรู้ได้ พวกเขารับใช้แดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา ไม่มีการรบกวน มีเพียงสัมผัสเล็กน้อยแห่งการเปลี่ยนแปลงจากโลกภายนอก แต่ในที่สุดโลกภายนอกก็รับรู้ถึงการคงอยู่ของดินแดนที่ยังไม่มีใครครอบครอง และทุกฤดูหนาวที่ผ่านไป ผู้บุกรุกยิ่งเหิมเกริมขึ้น ในที่สุดพวกเขาก็เข้ามาพร้อมกับเครื่องมือสำหรับตัดและไฟสำหรับเผาทำลาย หลายครั้งที่พวก Treant ต้องครุ่นคิด พวกสิ่งมีชีวิตเปราะบางและขยันขันแข็งพวกนี้คือใคร? เกิดอะไรขึ้นกับผืนป่าที่เขียวขจีแห่งนี้? ยุคแห่งคำถามและความสงสัยได้มาถึง ฤดูุนับพันฤดูที่ยาวนานมาถึงจุดที่ต้องการใคร่ครวญอย่างละเอียด ขณะที่ผู้บุกรุกมากมายตายลง และสลายลงสู่ผืนดิน

เมื่อยอดอ่อนทั้งหลายหมดคำพูด ความสงสัยมากเกินกว่าคำเตือน ข้อสรุปก็เกิดขึ้น Protector ผู้สันโดษตนหนึ่งจะถูกส่งไปยังโลกกว้าง และถูกสั่งให้เดินทางไปจนธารน้ำแข็งปรากฏขึ้นอีกครั้ง เพื่อสังเกตุความเปลี่ยนแปลงของผืนดินและสรรพสัตว์ และค้นหาว่าอะไรคือสิ่งอันตรายลึกลับที่คุกคามแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา" "npc_dota_hero_meepo_bio" "\"หากเจ้าถามข้า ชีวิตคือทุกอย่างที่เจ้ารู้จักและทุกสิ่งที่เจ้าพบ ยิ่งหากเจ้าเติบโตใน Riftshadow Ruins แค่หาอาหารยังยากเลย ฉะนั้นเจ้าจะต้องรู้จักหาทางลัด เจ้าจักต้องขอยืม และรู้จักความแข็งแกร่งของตนเอง สัตว์ร้ายบางตัวแถวนี้สามารถฆ่าเจ้าได้สบาย ดังนั้นเจ้าจักต้องหาเหยื่อที่อ่อนแอและหลบเลี่ยงผู้ที่แข็งแกร่ง หากมองในแง่ดี ซากปรักหักพังนี้เต็มไปด้วยความหลัง และความทรงจำเหล่านั้นก็มีค่ามากสำหรับบางคน ที่แห่งนี้เคยเป็นพระราชวังมาก่อน สถานที่ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นใช้สำหรับประกอบพิธีอาถรรพ์ ดำมืด หากเจ้ารอดพ้นจากพิธีนั่นน่ะ พวกเขาจะทุบผลึกคริสตัล แล้วฉีกแยกดวงวิญญาณเจ้าเป็นชิ้น ๆ เป็นศิลปะเลยนะ! แบบพวกประติมากรรมหรือของพรรค์นั้น ให้ข้าเล่าให้ฟังไหม บางครั้งเจ้าอาจจะบังเอิญพบกับรูปสลักโบราณพวกนั้นเข้า เจ้าเอาพวกมันกลับมาในสภาพสมบูรณ์แล้วเอาไปขายสิ เงินที่ได้มาคงนำไปซื้ออาหารกินประทังชีวิตได้สักสองสามสัปดาห์ แต่หากเจ้าโชคดีมาก ๆ เจ้าอาจจะพบกับผลึก Riftshadow เข้า จงเอาไปประเมินราคา แล้วลองถามหาคนไปทั่ว คนบางคนที่อาจจะรู้จักพวกบ้าคลั่งที่กำลังตามหาของสิ่งนี้อยู่ หากหาคนรับซื้อไม่ได้จริง ๆ จงขายมันให้จอมเวทเสียเมื่อพวกเขาผ่านมา พวกเขาชอบสิ่งเหล่านี้ จงจำไว้ว่า ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร จงระวังให้มากยามที่เกี่ยวข้องกับผลึกเหล่านั้น เจ้าคงไม่อยากให้บางอย่างหายไปจากตัวเจ้าหรอกนะ มันเจ็บมากจริง ๆ\"" "npc_dota_hero_visage_bio" "ที่คอนยอดปากทางเข้าไปยัง Narrow Maze มีเงาร่างของการ์กอยล์ที่นั่งยิ้มเยาะอยู่ เส้นทางสู่โลกหน้าอยู่ในสายตาของมันตลอดเวลา เดรัจฉานและปักษา มนุษย์และอสูร สิ่งมีชีวิตทุกตัวที่ตายและเลือกที่จะไปต่อต้องผ่านตาของมันไม่วันใดก็วันหนึ่ง สำหรับวิญญาณที่ไม่ยึดติด การเลือกที่จะเดินทางผ่านม่านแห่งความตายเป็นสิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อโอกาสมาถึง ไม่ว่าจะด้วยอุปกรณ์หรือเล่ห์เหลี่ยมของวิญญาณเร่ร่อนบางตนที่หลบหนีออกมาจากนรกหรือสวรรค์ การ์กอยล์แสนน่ากลัว Visage ร่างทรงของจิตวิญญาณอมตะ Necro'lic ผู้ซึ่งถูกส่งออกไปตามล่าพวกมัน เก่งกาจและไร้ซึ่งความปรานี ไม่อาจหยุดยั้งด้วยกฎแห่งความตายและความเหนื่อยล้า Visage ติดตามเหยื่อของมันอย่างไร้เมตตาหรือท้อถอย และยินดีทำลายทุกคนที่อาจจะให้ที่พักพิงแก่วิญญาณที่หลบหนี มันผู้ใดที่ท้าทายกฏแห่งชีวิตหลังความตายจะไม่อาจหยุดพัก จริงอยู่ที่ว่าคนตายอาจจะฟื้นคืนได้ แต่นั่นขึ้นอยู่กับเวลาก่อนที่ Visage จะพบแล้วส่งพวกมันกลับไปยังสถานที่อันเหมาะสม" "npc_dota_hero_undying_bio" "นานเท่าไหร่แล้วตั้งแต่เขาสูญเสียชื่อตัวเองไป? เศษซากที่ถูกฉีกกระชากของจิตใจเขานั้นลืมเลือนไป

เขานึกออกเพียงแค่ชุดเกราะ ป้ายสัญลักษณ์ และญาติพี่น้องผู้มีสีหน้าสยดสยองที่อยู่เคียงข้างเขาได้ลาง ๆ เขาจำการต่อสู้ครั้งนั้นได้ ความเจ็บปวดและความกลัวเป็นดั่งมืออันซีดเซียวที่กระชากเขาลงจากอานม้า เขายังจำความหวาดกลัวเมื่อพวกมันโยนเขาลงสู่หลุมกว้างของ Dead God (เทพมรณะ) พร้อม ๆ กับพี่น้องของเขาได้ เพื่อที่จะสดับฟังบทเพลง Dirge (เพลงไว้อาลัย) แล้วสูญสลายหายไป ภายในความมืดมิดเบื้องล่าง กาลเวลาได้จากพวกเขาไป ความคิดเลือนหาย จิตใจแตกสลาย แต่อย่างไรก็ตามความกระหายไม่ได้สูญไปไหน พวกเขาหันเข้าหากันด้วยเล็บที่ปริแตกและฟันที่แหลกร้าว แล้วมันก็เข้ามา ทิ้งระยะห่างในครั้งแรกและแทบจะไม่เป็นที่สังเกต คนหนึ่งเข้าผสมโรง ตามด้วยอีกคน ไม่อาจหลบหนีได้และไม่มีวันจบสิ้น คณะประสานเสียงกลายเป็นกำแพงแห่งเสียงโหยหวนที่ดังก้องอยู่ในหัวของพวกเขาจนไม่มีผู้ใดคิดว่าจะมีชีวิตรอดไปได้ เมื่อบทเพลง Dirge เข้าครอบงำ เขาอ้าแขนของเขาให้แก่ Dead God และน้อมรับทัณฑ์แห่งพระองค์ แต่กลับมิใช่การทำลายล้างเขาคือบุกคนที่ถูกเลือก Dead God ต้องการสงคราม ในความว่างเปล่าอันยิ่งใหญ่ที่มากเกินพอ เขาได้รับเป้าหมายใหม่ เพื่อแพร่กระจายบทเพลง Dirge ไปทั่วดินแดน เพื่อนำพาความตายซึ่งมิเคยหลับใหลกลับคืนสู่ชีวิตทั้งหลาย เขากลายเป็น Undying ผู้ส่งสาสน์แห่งเทพมรณะ ลุกขึ้นมาและล้มตายแล้วลุกขึ้นมาอีกครั้งเมื่อใดก็ตามที่ร่างของเขาไม่สามารถทำงานต่อได้ เพื่อที่จะก้าวผ่านความตายที่ไม่จบสิ้น ที่ซึ่งบทเพลง Dirge จะต้องดังต่อไปไม่มีวันหยุด" "npc_dota_hero_rubick_bio" "นักเวททุกคนย่อมสามารถร่ายมนต์ได้หนึ่งถึงสองบท และมีเพียงส่วนหนึ่งที่สามารถเล่าเรียนได้นานพอแล้วกลายเป็นจอมเวท แต่มีเพียงคนที่มีความสามารถเป็นเลิศคนเดียวเท่านั้นที่จะได้รับการขนานนามเป็น Magus ถึงกระนั้นในจอมเวทอื่น ๆ ความเห็นของกลุ่มก็ไม่ได้การันตีมารยาทในการแข่งกัน

หลังจากที่เขามีชื่อเสียงในฐานะนักประลองฝีมือและนักปราชญ์แห่งโลกเวทมนตร์ที่ยิ่งใหญ่ Rubick ไม่เคยแสดงให้เห็นว่าเขาก็อาจจะมีความสามารถพอที่จะเป็น Magus ได้ จนกระทั่งเขาถูกลอบสังหารเป็นครั้งที่เจ็ด ในขณะที่เขาโยนผู้ที่อาจจะเป็นนักฆ่าลำดับที่ 12 ทิ้งลงมาจากระเบียงสูงอย่างไม่แยแส เขาเข้าใจแล้วว่าความพยายามอย่างที่สุดของเขาที่ผ่านมานั้นโง่เขลาเพียงใด เมื่อครั้งหนึ่งที่การขัดจังหวะการดีดนิ้วหรือปรบมือจะช่วยให้เขาก้าวหน้าขึ้นอย่างน่าชื่นชม ทั้งหมดนั่นกลายเป็นสิ่งที่สามารถคาดเดาได้ เขาได้สร้างการแข่งขันที่น่ากลัวขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่หน้ากากการศึกของเขาเสร็จสิ้น เขาได้ทำในสิ่งที่จอมเวทที่ต้องการจะเลื่อนระดับควรจะทำ นั่นคือเขาประกาศจุดมุ่งหมายของเขาซึ่งคือการสังหาร Magus ผู้นั้น

Rubick ตระหนักได้ในทันทีว่าการคุกคาม Magus เพียงหนึ่งคนก็เหมือนกับคุกคามพวกเขาทั้งหมด และพวกมันก็ทุ่มกำลังมาที่เขาเพื่อจัดการเสีย เวทมนตร์ของปรปักษ์แต่ละคนคือกระแสพลังงานที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ และทุกการโจมตีล้วนคำนวณไว้แล้วว่าไม่มีทางรอด แต่ในไม่ช้าบางสิ่งก็ได้เกิดขึ้ง เป็นสิ่งที่เหล่าศัตรูของ Rubick ไม่เคยคาดคิด วิชาของพวกเขาดูเหมือนจะย้อนกลับมาเป็นปฏิปักษ์กับพวกเขาเอง ท่ามกลางความโกลาหลของเวทมนตร์ Rubick ได้หัวเราะเบา ๆ เรียนรู้อย่างละเอียดและจำลองพลังนั้นเพื่อที่จะร่ายมันกลับไปยังแต่ละคน สร้างความสับสนท่ามกลางพวกมัน ผู้รวมกลุ่มกันต่อต้านเขา คำกล่าวหาถึงการทรยศเริ่มกระจายออกไป และในไม่ช้าเหล่าผู้ใช้เวททั้งหลายก็หันมาเป็นปฏิปักษ์กันเองโดยไม่ตระหนักเลยว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังสิ่งที่พวกเขาไม่ได้กระทำ

ท้ายที่สุดเมื่อการต่อสู้ใกล้จบลง ทุกคนล้วนถูกเผาไม่ก็ถูกแช่แข็งไว้ เปียกชุ่ม ถูกสับ และแทง หลายคนล้มตายด้วยสิ่งประดิษฐ์ของพันธมิตร Rubick อยู่นอกวง เจ็บปวดแต่สุขใจในสัปดาห์แห่งการเฉลิมฉลอง ไม่มีใครแข็งแกร่งพอที่จะต่อกรเมื่อเขายื่นคำร้องแห่งสวรรค์ไปยัง Hidden Council (สภาลับ) และ Insubstantial Eleven (รักษาการทั้งสิบเอ็ด) ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ขนานคำนำหน้านามของเขาในฐานะ Grand Magus" "npc_dota_hero_disruptor_bio" "บนเขาสูงที่ลมกรรโชกพัดแรงของชาวเผ่า Druud หนุ่มผู้มีพรสวรรค์ในการสรรค์สร้างพายุนามว่า Disruptor คือคนแรกที่ค้นพบความลับของพายุฝนในฤดูร้อนภายใต้การรับมือการจู่โจมอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากพายุประจำฤดูและการรุกรานจากอาณาจักรทางตอนใต้ ชาวเผ่าจากดินแดนเนินสูงของเผ่า Oglodi ดิ้นรนต่อสู้มาหลายศตวรรษเพื่ออาศัยอยู่ที่ราบสูงอันกว้างใหญ่นี้ พวกเขาคือกลุ่มคนที่เหลือเพียงส่วนน้อยจากเดิมที่เคยเป็นกลุ่มอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่มาครั้งหนึ่ง จนกลายเป็นเผ่าที่ล่มสลายลง ความสามารถในการควบคุมดินฟ้าอากาศที่น่าแปลกและลึกลับ ถูกปูทางด้วยการค้นพบความรู้ที่สูญหายไป ซึ่งแม้แต่พวกเขาเองก็ไม่อาจเข้าใจอย่างถ่องแท้ได้ สำหรับกลุ่มชนที่อาศัยอยู่บนที่ราบสูงนั้น ภูมิอากาศกลายเป็นดั่งศาสนาของพวกเขา สักการะบูชาให้แด่ทั้งผู้ให้และผู้ชิงชีวิต หากแต่พายุสายฟ้าที่นำพาฝนที่ยั่งยืนซึ่งต้องแลกด้วยความสูญเสีย และซากศพที่ไหม้เกรียมและควันคลุ้งมากมายนอนกลาดเกลื่อน

แม้ว่า Disrupter จะมีร่างกายเล็กในหมู่เผ่าพันธุ์ของเขา แต่เขาไร้ซึ่งความกลัวใด ๆ และมีความทะเยอทะยานด้วยความช่างสงสัย ตั้งแต่สมัยเยาว์วัย เมื่อสมัยยังไม่ผ่านการสู้รบและมีสัตว์เลี้ยง Stryder เป็นของตนเอง เขาได้เข้าไปสำรวจในซากเมืองของบรรพบุรุษ ค้นหาในกองซากของหอสมุดที่ผุพังมายาวนาน รื้อค้นไปทั่วในซากโรงงานที่เลอะสนิม เขาได้เก็บสิ่งที่เขาต้องการและนำกลับมายังเผ่าของเขา ดัดแปลงขดลวดที่ออกแบบมาแต่บรรพกาล เขาเรียนรู้ที่จะควบคุมผลต่างเชิงอนุพันธ์พลังงานไฟฟ้า และเรียกสายฟ้าฟาดตามประสงค์ของเขา เป็นพลังกึ่งเวทมนตร์กึ่งหัตถศิลป์ ขดลวดของเขาติดอยู่กับแผ่นโลหะเรืองแสงก่อเกิดพลังชีวิตและความตาย – พลังที่ใช้งานได้อย่างเที่ยงตรงเพื่อต่อกรกับพวกพื้นดินทางตอนใต้ และผู้รุกล้ำคนใดก็ตามที่หาญกล้าเข้ามาในดินแดนบรรพชนของ Oglodi นี้" "npc_dota_hero_nyx_assassin_bio" "ลึกเข้าไปในหอจดหมายเหตุแห่ง Ultimyr ในชั้นหนังสือที่อยู่ระหว่างตู้ใส่คัมภีร์ของเรื่องราวเกี่ยวกับมังกร กับหนังสือคัมภีร์เวทที่ยังไม่ถูกแปล มีหนังสือโบราณเล่มหนาเกี่ยวกับชีววิทยาของสัตว์ลึกลับ ที่ถูกรวบรวมข้อมูลโดยเหล่านักปราชญ์ ในหนังสือเล่มนั้นได้อธิบายเรื่องราวของความสามารถในการสื่อสารด้วยการส่งกระแสจิตความคิดระหว่างกัน ของสัตว์แมลงปีกแข็งที่แข็งขันทำงาน เผ่าพันธุ์ประหลาดของประชาคมแมลง ที่มีความสามารถพิเศษแปลกประหลาดที่มิอาจพบได้ทั่วเจ็ดปฐพี

แต่ Nyx Assassin นั้นก็ไม่เหมือนแมลงใด ๆ ทั่วไปในอาณานิคมของเขา เขาไม่ได้มีขั้นตอนการเติบโตเปลี่ยนรูปร่างอย่างเอื่อยเฉื่อย และอวัยวะที่ยื่นออกมาทื่อ ๆ เหมือนกับในชั้นวรรณะแรงงานในเผ่าพันธุ์ของเขา สำหรับเขาแล้วเขาเติบโตเปลี่ยนรูปร่างมาแบบพิเศษ โดยการชี้นำของเทพธิดา Nyx ผู้สง่างาม เขาคือผู้ถูกเลือกและแต่งตั้งจากพญาราชินีเอง ใช่ว่าทุกตนที่จะรอดชีวิตจากพรแห่งความมืดในที่พำนักของราชินี แต่เขาปรากฏตัวออกมาพร้อมกับสามารถอ่านความคิดอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง และกรงเล็บที่เหมือนกับดาบสองคม--ขากรรไกรที่คมกริบดุจใบมีดตัดกวาดอากาศ ในขณะที่ความนึกคิดของเขาได้ถูกส่งไปยังจิตสำนึกของทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาโดยตรง ในหมู่แมลงปีกแข็งที่ขันแข็งทั้งหมดนี้ เขาเป็นเพียงผู้เดียวที่ถูกแต่งตั้งจากเบื้องสูง หลังจากการแปรสภาพเจริญเติบโตเต็มวัย เขาก็ได้ถือกำเนิดใหม่อีกครั้งจากพรแห่งเทพธิดา Nyx ด้วยความสามารถของเขาที่ได้รับการขัดเกลาขึ้นเพื่อจุดประสงค์เดียวเท่านั้น นั่นคือการสังหารภายใต้พระนามของเทพธิดาของเขา" "npc_dota_hero_naga_siren_bio" "ในหมู่ผู้ปฏิญาณตนชั้นสูงของเหล่าองครักษ์ชนเผ่า Slithereen มีการกล่าวซ้ำบ่อย ๆ ของคำปฏิญาณที่เข้มงวดก่อนเข้ารบว่า “ไม่มี Slithereen ตนใดจะเพลี่ยงพล้ำ” ซึ่งในความจริงแล้ว คำกล่าวเหล่านี้เป็นคำเทียบเท่าคำสัตย์ปฏิญาณและคำสัญญาที่บังคับกันได้ หากใครก็ตามที่ล้มเหลวในการรักษาหน้าที่ของตน จะถูกขับไล่ออกจากบัญชาการ การล้มเหลวคือการกลายเป็นสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ Slithereen อีกต่อไป

ครั้งหนึ่ง Slithice ผู้ที่เป็นที่เคารพนับถือสูงที่สุดในเหล่าเผ่าพันธุ์ของเธอ ผู้บัญชาการกองรบและผู้ติดตามของเธอมาหลายปี และมีเสียงที่น่าเกรงขามของเธอเป็นอาวุธที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เสียงซึ่งมีพลัง เป็นเกลียวคลื่นเหมือนงูเลื้อย เธอนำทัพองครักษ์ที่ร้ายกาจเพื่อป้องกันเมือง Deep Ones เมืองบาดาลที่เฟื่องฟูยิ่งใหญ่ใต้สมุทร แต่ในสงครามสุดท้ายของศึกแห่ง Crey กองกำลังของเธอถูกต้านให้ถอยร่นโดยกองทัพปล้นสะดมที่ออกล่าเพื่อบรรณาการแด่เทพพระเจ้า Maelrawn ของพวกมัน หลังการเข่นฆ่าที่ยาวนานจบลง และเมื่อเก็บกวาดซากศพออกจากโถงเมืองบาดาล พวกเขาพบว่าถ้วยจอกที่ประดับประดาด้วยอัญมณีอันล้ำค่าเพียงหนึ่งเดียวได้หายไปจากขุมทรัพย์ที่เก็บไว้ กองกำลังนับร้อยเหลือเพียงผู้รอดชีวิตเพียงหยิบมือ แต่ความกล้าหาญและเสียสละของพวกเขานั้นสำคัญน้อยนิด เทียบไม่ได้กับสมบัติที่สูญหายไป เกียรติยศของพวกเขาพังทลาย และ Naga Siren ถูกขับไล่ไสส่งออกไป ให้ออกไปค้นหาถ้วยจอกที่ถูกขโมยไป แม้ว่าเธอจะมอบสมบัติทองคำหนักกว่าร้อยเท่าของน้ำหนักตนเอง เธอก็ยังคงถูกพิพากษาให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวจนกว่าจะถึงวันที่เธอกลับมาพร้อมของที่ถูกชิงไป ไม่มีทองคำใดมากพอที่จะเท่ากับเกียรติยศที่เธอได้สูญเสียไปแล้ว" "npc_dota_hero_keeper_of_the_light_bio" "บนบังเหียนของอาชาขาวที่เขาขี่นั้น ประกายแสงแห่งอาทิตย์อนันต์ คือ Keeper of the Light นานมาแล้ว Ezalor ได้หลบหนีออกจาก Fundamental plane (ปฐมภพ) ปลีกตัวออกจากเหล่าขุมอำนาจโบราณทั้งหลายที่จะผูกมัดเขาเข้ากับคณะแห่งการก่อกำเนิดที่ยิ่งใหญ่ พลังของเขานั้นเพียบพร้อมสมบูรณ์ตั้งแต่รุ่งสางแรกของจักรวาล และบัดนี้พลังนั้นได้ออกไล่ล่าความโกลาหลที่เกิดขึ้น นำพาพรสวรรค์ไปพร้อมๆ กันกับเขาและคทาที่เปล่งประกาย ตัวตนอันสูงส่งของเขาถูกซ่อนเร้นอยู่ใต้รูปลักษณ์ของคนแก่ที่แค่จะขี่หลังม้าไม่ไหว แต่เมื่อไหร่ก็ตาม เมื่อเขาเผชิญกับคำท้าแห่งความโกลาหล หรืออำนาจมืด แสงแห่งการก่อกำเนิดเขาจะเปล่งประกาย และพลังทั้งหลายที่แท้จริงจักเปิดเผย แปรเปลี่ยนเขากลับสู่รูปพลังงานอีกครา รูปลักษณ์ที่ยากจะต่อกร" "npc_dota_hero_wisp_bio" "Io นั้นอยู่ทั่วทุกหนแห่ง และอยู่ในทุกสรรพสิ่ง แต่เขาถูกปรักปรับโดยเหล่าศัตรูว่าเป็นตัวนำหายนะอันใหญ่หลวง และได้รับการบูชาโดยเหล่านักปราชญ์ให้เป็นแสงประกายแห่งพระเนตรผู้เป็นเจ้า ดวงแสงซึ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดนี้ อยู่ไปทั่วทุกมิติในเวลาเดียวกัน ส่วนประกอบสำคัญที่เล็กที่สุดของมันแฝงอยู่ในร่างของสิ่งที่มีชีวิตอยู่ตลอดเวลา

เป็นดั่งคู่แฝดนักเดินทางของความมืดมิดและแสง และไม่เป็นเพียงนักทัศนาจรแห่งอดีตกาลผู้ที่ประวัติที่แท้จริงของมันได้สูญหายไปกับยุคสมัย Io หรือ Wisp คือมูลฐานแห่งจักรวาล ซึ่งพลังนั้นเก่าแก่ยิ่งกว่ากาลเวลา นักพเนจรจากแดนไกลเกินกว่าที่เหล่าผู้รู้ตายจะเข้าใจได้ Io ไม่ใช่อะไรที่น้อยไปกว่าผลรวมของแรงดึงดูดและแรงผลักกันภายในสสาร ซึ่งก็คือการปรากฏให้เห็นด้วยการรวมอนุภาคพลังงานที่มีความรู้สึกไว้ด้วยกัน มีเพียงการควบคุมการบิดเบือนพลังงานเหล่านี้เท่านั้นที่จะทำให้รูปร่างของ Io สามารถปรากฏได้ในมิติกายภาพ ความเมตตา พลังแห่งการช่วยเหลือ Io เชื่อมโยงความแข็งแกร่งของมันกับสิ่งอื่น ๆ เพื่อที่จะทำให้พลังของพวกพ้องเพิ่มขึ้น จุดมุ่งหมายของมันไม่อาจรู้ได้ พลังของมันนั้นเกินกว่าที่จะจินตนาการได้ Io เคลื่อนผ่านระนาบแห่งวัตถุ และเป็นดั่งตัวแทนอันสมบูรณ์แบบของความลี้ลับแห่งจักรวาล" "npc_dota_hero_slark_bio" " ห่างไกลจากการรับรู้ของชีวิตบนผืนดิน Dark Reef คือคุกใต้น้ำที่ซึ่งสุดยอดตัวร้ายใต้ทะเลถูกส่งมาชดใช้ความผิดต่อเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ มีทั้งฆาตกร slithereen ครีบคม กบฏร้ายแรง และเหล่า meranth โรคจิต ในวงกตใต้ดินอันมืดครึ้มมีปลาไหลคอยลาดตระเวนและเฝ้าระวังโดยดอกไม้ทะเลใหญ่ยักษ์ มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่อยู่รอด แต่ท่ามกลางเบื้องลึกแห่ง Dark Reef ที่ไม่มีใครรู้จัก Slark ผ่านครึ่งชีวิตมาโดยไม่รู้จักความเมตตา ไม่ไว้ใจใคร และอยู่รอดมาได้โดยการปล้นชิงและความโหดเหี้ยม เขาเก็บงำความคิดและแผนการไว้กับตัว เมื่อพวกปลาซิวจำนวนหนึ่งใน Dark Reef วางแผนหลบหนีสุดชั่วร้าย พวกเขาเก็บแผนการไว้เป็นความลับ ฆ่าทุกคนที่เริ่มรับรู้ถึงแผนการนี้ แต่ Slark ก็ค้นพบและใช้ประโยชน์จากแผนการนี้ได้ สิบในสิบสองตายระหว่างหลบหนี สองคนที่เหลือถูกจับได้และโยนกลับเข้าไปใน Dark Reef จากนั้นก็ถูกประหารเพื่อความบันเทิงของคนอื่นๆที่เหลือ แต่ Slark ผู้เป็นคนที่สิบสามซึ่งไม่มีใครรู้จัก อาศัยช่วงชุลมุนเป็นฉากกำบังและหลบหนีออกมาได้โดยไม่โดนจับ บัดนี้ผู้หลบซ่อนแห่งป่าริมน้ำกินคนได้มาถึงตอนใต้แห่ง Shadeshore แล้ว จนถึงตอนนี้ Slark ยังเป็นนักโทษหลบหนีเพียงหนึ่งเดียวจาก Dark Reef" "npc_dota_hero_medusa_bio" "ความงดงามคือพลังอำนาจ ความคิดนี้คือสิ่งที่คอยปลอบประโลม Medusa ผู้อ่อนเยาว์และงดงามมากที่สุดในบรรดาสามพี่น้อง Gorgon ซึ่งเป็นบุตรีของเทพธิดาแห่งท้องทะเล เพราะว่านางเป็นเพียงคนเดียวในบรรดาพี่น้องที่เป็นมรรตัยชน (สามารถแก่ตายได้) จึงมีเพียงสิ่งนี้ที่คอยปลอบใจเธอ จนกระทั่งวันที่มีกลุ่มผู้รุกรานสวมหน้ากากปรากฏขึ้น ณ อาณาจักร Gorgon และพรากพี่สาวผู้เป็นอมตะทั้งสองไปจากบ้านของพวกนาง ไม่สะทกสะท้านต่อความงามหรือน้ำตาของพวกนางเลย หนึ่งในผู้รุกรานจับตัว Medusa มาได้ แต่กลับเบือนหน้าหนีด้วยความขยะแขยง 'นางนี่เหม็นกลิ่นสาบของพวกรู้ตายเต็มไปหมด พวกที่ตายได้ไม่มีอะไรให้เราใช้ประโยชน์หรอก' อับอาย กราดเกรี้ยว Medusa หลบหนีไปยังวิหารของมารดา ทอดตัวลงเบื้องหน้าเทพธิดาแล้วร่ำไห้ 'ท่านปฎิเสธที่จะให้ข้ามีชีวิตนิรันดร์ ดังนั้นข้าจึงขอร้องท่าน จงมอบพลังให้ข้า! พลัง ที่จะทำให้ข้าสามารถอุทิศชีวิตที่ข้ามีเพื่อช่วยเหลือพี่สาวของข้าและล้างแค้นต่อความอยุติธรรมนี้!' หลังจากพิจารณาเป็นเวลานาน เทพธิดาจึงบันดาลให้ตามคำขอของลูกสาวตน อนุญาตให้ Medusa แลกเปลี่ยนความงดงามแห่งตำนานของใบหน้านางให้กลายเป็นรูปลักษณ์ทรงพลังอย่างน่ากลัว Medusa ไม่เคยเสียใจในสิ่งที่นางตัดสินใจ นางเข้าใจดีว่าพลังที่เธอได้มาครองนั้นมีเพียงความงามของเธอที่สูงค่าพอที่จะแลกมา พลังเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถเปลี่ยนโลกใบนี้ได้" "npc_dota_hero_troll_warlord_bio" "มันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะทะเลาะกับ Troll ซักตนนึง Troll เป็นเผ่าที่รักการโต้เถียง พวกมันมักจะมีความสุขกับการได้ปะทะคารมกัน ได้ขัดแย้งกันเอง และไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลใด ๆ เมื่อต้องการจะขึ้นเสียงเพื่อถกเถียงกัน ก่อนที่ Troll เพศผู้จะเข้าสู่วัยฉกรรจ์นั้น พวกมันจะอาศัยภายในโพรงลึกใต้ที่พักของราชินีของมัน อีกทั้งยังได้รับการหุงหาอาหารให้ และสร้างความบันเทิงให้โดยไม่ต้องทำงานอะไรแลกตอบแทน บ่อยครั้งที่พวกมันมักจะยังคงอาศัยอยู่ในโพรงนั้นต่อไปอีกเกือบปีแม้ว่ามันจะเข้าสู่วัยฉกรรจ์แล้วก็ตาม และในท้ายที่สุดเมื่อ Troll หนุ่มถูกขับออกมาจากโพรงแสนสุขใต้ดินของมันแล้วนั้น พวกมันจะรวมตัวกัน ตั้งเป็นกลุ่มร่อนเร่ ออกเดินทางสร้างความรำคาญใจให้ผู้อื่นไปทั่ว

อย่างที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้า Troll นั้นรักในการประชันฝีปากมาก คิดดูว่ามันจะยากแค่ไหนสำหรับ Troll ซักตนนึงที่จะถูกขับออกจากกลุ่มเพราะมันนั้นยากที่จะคบหาด้วยได้ นั่นคือชะตาชีวิตของ Jah'rakal ผู้เป็น Monger Troll จาก The Hoven มันนั้นแสนที่จะเต็มไปด้วยความเคียดแค้นฉุนเฉียว ถึงขนาดที่ Troll ตนอื่น ๆ ไม่สามารถที่จะทนร่วมทางไปกับมันได้ ครั้งหนึ่งมันได้ปะทะคารมอย่างดุเดือดในเรื่องส่วนแบ่งที่ควรจะได้จากสิงโตในการออกล่าครั้งล่าสุด ในที่สุดพวกพ้องของมันก็ทนไม่ไหว ต่างหันอาวุธเข้าหาทำร้ายมัน ทุบมันด้วยกระบอง แล้วไล่มันออกจากค่าย ด้วยแรงอาฆาตที่ถูกเนรเทศ มันกลับไปยังค่ายในวันถัดมาพร้อมด้วยอาวุธในมือของมัน ไล่ฆ่าทุกตนในค่ายนั้นเรียงตัว หลังจากนั้นมันจึงสาบานด้วยเลือดว่ามันจะไม่ยอมให้ใครทำอะไรมันได้อีก จนปัจจุบันมันท่องเที่ยวไปทุกหนแห่งภายใต้ฉายา Troll Warlord ที่แสนเกรี้ยวกราด ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งกองทัพที่มีเพียงมันผู้เดียว" "npc_dota_hero_centaur_bio" "ว่ากันว่าเส้นทางชีวิตของ Centaur ถูกสร้างขึ้นจากซากศพของผู้ถูกพิชิต และสำหรับผู้ที่ถูกขนานนามว่า Warrunner นั้น เส้นทางนี้ช่างเป็นเส้นทางที่ยาวไกลนัก คนนอกมักจะเข้าใจผิดได้ง่ายว่าชนเผ่าสี่ขาแห่ง Druud นี้เป็นพวกไร้อารยะ ภาษาของพวกเขาไม่มีภาษาเขียน วัฒนธรรมของพวกเขาไม่มีการวาดภาพ, ไม่มีดนตรีเป็นแบบแผน หรือศาสนาอย่างเป็นทางการ สำหรับพวก Centaur การต่อสู้คือการเปล่งเสียงแห่งความคิดที่สมบูรณ์แบบที่สุด เป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกของตนเองที่ดีที่สุด ถ้าหากว่าการฆ่าฟันจัดเป็นศิลปะของเหล่า Centaur แล้วล่ะก็ Bradwarden the Warrunner ก็เรียกได้ว่าเป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เขาเป็นดาวเด่นประจำสนามประลอง Omexe ซึ่งเป็นสนามทดสอบเก่าแก่ที่เผ่า Centaur ใช้เป็นเวทีประลองของเหล่านักสู้มานานกว่าพันปี เมื่อชื่อเสียงเขาเลื่องลือไปไกล เหล่าผู้ชมมากมายจากทั่วสารทิศหลั่งไหลมาเพื่อชมสุดยอด Centaur ตนนี้แสดงฝีมือ 'จงเป็นคนแรกที่ก้าวลงสู่สังเวียน และจงเป็นคนสุดท้ายที่จะก้าวออกไป' เขาได้รังสรรค์ผลงานชิ้นโบว์แดงทุกครั้งที่เลือดสาดกระเซ็นเป็นทาง ทุกครั้งที่แทงให้เลือดไหลผ่านไปตามความยาวของดาบ มันคือบทกวีแห่งเลือดบนเหล็กกล้าที่ถูกเหวี่ยงลงด้วยรูปแบบอันซับซ้อนตัดกับผืนทรายสีซีดที่เกิดขึ้น ณ ลานสังหารแห่งนี้

Warrunner ได้สังหารนักรบคนแล้วคนเล่า จนกระทั่งทั้งลานประลองกึกก้องไปด้วยเสียงเชียร์ชื่อของเขา และเขาก็พบกับความโดดเดี่ยว แชมป์เปี้ยนผู้ไร้คู่ต่อกร เข็มขัดแชมป์แห่ง Omexe ถูกมอบให้ คาดอยู่บนเอวของเขา แต่ในชัยชนะของเขา ศิลปินแห่งความตายพบเพียงแต่ความว่างเปล่า ค่าของนักรบจะอยู่ที่ใดหากไร้คู่ต่อกร? Centaur ที่ยิ่งใหญ่ได้ออกจากสนามประลอง Omexe ในวันนั้นพร้อมเป้าหมายใหม่ เขาคือนักรบที่เยี่ยมยอดในสายตาของผู้คนของเขาเมื่อก้าวเข้าสู่สนามประลอง บัดนี้ เขามุ่งมั่นจะพิสูจน์ว่าเขาคือนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยมีมา" "npc_dota_hero_magnataur_bio" "มีเพียงเรื่องเดียวที่เหล่ายอดช่างตีเหล็กแห่งเขา Joerlak นั้นเห็นตรงกัน นั่นคือเขาของ Magnoceros นั้นล้ำค่ายิ่งกว่าโลหะใด ๆ และในบรรดาเขาทั้งมวล เขาชิ้นที่มหึมาและแหลมคมที่สุดนั้นตกเป็นของสัตว์ร้ายที่ถูกขนานนามว่า Magnus กว่าครึ่งชั่วอายุของมัน Magnus เสียบทะลวงสังหารนักล่าที่มุ่งหมายที่จะขโมยสมบัติของเผ่าพันธุ์ของมันลงอย่างง่ายดาย มันมักจะกลับถ้ำของมันมาพร้อมกับกีบและเขาอันชุ่มโชกไปด้วยเลือด จนกระทั่งคู่ครองของมันได้เตือนให้มันและเผ่าพันธุ์ของมันอพยพขึ้นเหนือไปอยู่หลังเงามืดของภูเขา แต่มันกลับคิดท้าทาย เพราะไม่เคยมีครั้งใดที่มันไม่สามารถปกป้องพวกพ้องของมัน \"Magnoceroi จะอยู่ที่นี่ต่อไป\" นั่นคือการตัดสินใจของมันและไม่มีวันเปลี่ยนใจ

แต่เมื่อภูเขา Joerlak ที่มันอาศัยอยู่นั้นจะเกิดการระเบิดขึ้นโดยไม่มีเค้าลางล่วงหน้าใด ๆ กว่าครึ่งของเผ่าพันธุ์ของมันถูกเผาจนเหลือแค่เถ้าถ่าน ในท้ายที่สุด Magnus ก็ยอมเปลี่ยนใจ เหล่าผู้รอดชีวิตต่างเดินทางขึ้นเหนือจนกระทั่งพบกับด่านกั้นทางของเหล่านักล่าที่พร้อมด้วยอาวุธครบครัน Magnus ไม่แปลกใจในเรื่องนี้เลย มันนำเหล่าพี่น้องที่ดุร้ายที่สุดของมันบุกทะลวงเข้าสู้กับศัตรูด้วยความดุร้ายที่รุนแรงดั่งภูเขาไฟที่กำลังปะทุอยู่ที่ด้านหลังของมัน และในระหว่างการต่อสู้ที่ดุเดือดนั้นเองเหล่าผู้เฒ่าแห่งเผ่า Magnoceros นั้นก็ได้หายสาบสูญไป เหล่าช่างตีเหล็กต่างถกเถียงถึงเกิดที่ขึ้นหลังจากนั้น

บ้างว่า Magnus ได้กลับไปรวมกับเผ่าของมัน บ้างอ้างว่า Magnus ได้รับบาดเจ็บสาหัสและตายลงเคียงข้างคู่ครองของมัน แต่ไม่มีเรื่องเล่าใดเป็นจริงเพราะ Magnus ได้สาบานไว้ว่ามันจะกลับไปร่วมกับเผ่าของมัน...แต่นั่นก็ต่อเมื่อหลังจากที่มันได้พบกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังการระเบิดของภูเขา Joerlak และได้มองมันผู้นั้นโดนเสียบตายด้วยเขาของมัน เพราะเผ่า Magnoceros ไม่เคยเชื่อในเรื่องบังเอิญ" "npc_dota_hero_shredder_bio" "Rizzrack ยังคงได้ยินเสียงกรีดร้องอยู่ในหัวของเขา เขาลงมือทำงาน ไขประแจมือ ขันน็อต สร้าง ตัด และตีเหล็กอย่างไม่หยุดหย่อน เขาอดหลับอดนอนเพราะเอาแต่สร้าง หลายเดือนผ่านไปหลังจากที่ปิดกั้นตัวเองอยู่ในห้องทำงานของลุงเขา และผลงานของเขาก็ใกล้จะเสร็จลุล่วงแล้ว เขานวดหลังตัวเองเมื่อตาคล้อยจะหลับไป เขาเคยเห็นดอกไม้ที่ลอยปกคลุมอยู่บนคลื่นของชายหาด Augury Bay ที่เงียบสงบ ก่อนที่มันจะระเบิดออกเป็นละอองเกสรที่คร่าสิ่งมีชีวิตเมื่อเข้าสู่ปอด เขาสะดุ้งตื่นพร้อมอาการสำลักหายใจเกือบไม่ออก ผ่านไปหลายชั่วโมงด้วยเสียงลับคมมีดขนาดใหญ่บนหินลับมีดเป็นจังหวะ ๆ อยู่ในห้องทำงาน ในหัวของเขาคิดถึงภาพอดีตของเหล่าเพื่อนบ้านที่ถูกเถาวัลย์พันเกี่ยวรัดคอจนตาย และห่อหุ้มบ้านเรือน น้ำท่วมบนหาด Augury เทียบกันไม่ได้เลยกับความน่ากลัวที่มวลน้ำทิ้งไว้ของรากไม้ที่ฝังลึกนอกกำแพงเมือง

แต่บัดนี้หุ่นชุดเกราะเลื่อยของเขาจะทำให้เขาแข็งแกร่งและปลอดภัย ทำให้เขามีความหวังที่จะเผชิญหน้าและขจัดความกลัวที่หลอกหลอนอยู่ในหัวของเขาให้หายไป ภาพของกิ่งก้านต้นไม้และเลือด เมื่อเมืองล่มสลาย Rizzrack หนีออกมาได้จากต้นไม้ที่เดินและฆ่าแกงได้ เหล่าต้นไม้พังประตูและโหมบุกเข้ามาในเมือง ต้นไม้บดขยี้พังทำลายทุกสิ่งที่ชาว Augury Bay พยายามปกป้อง และไล่ตามผู้กำลังหลบหนี ในความเงียบที่สับสน Rizzrack ปลดโซ่หนาที่พันรอบแขนหุ่น มือของเขาสั่นเมื่อเขาตรวจสอบสายเชื่อมต่อและเอานิ้วที่สั่นเทาลูบไล้ไปที่อุ้งมือหุ่น หุ่นเกราะเลื่อยของเขาพร้อมแล้ว

เมื่อนิ้วที่สั่นเทาของเขาปลุกเครื่องจักรใบมีดให้มีชีวิตขึ้น ความกลัวของเขาหายไป ความกลัวที่เฝ้ารอเขาอยู่ และที่เขาต้องไปเผชิญหน้าเพื่อหวังจะสงบจิตใจของเขา เมื่อหุ่นเลื่อยของเขาสั่นระริกระรี้อย่างมีชีวิต เขารู้แล้วว่าเขาต้องไปเผชิญหน้ากับความกลัวนี้ และเขารู้ว่าเขาจะไม่ชอบมันเลยสักนิด" "npc_dota_hero_bristleback_bio" "เขาไม่เคยเหลียวหลังให้กับการต่อสู้เลยซักครั้ง Rigwarl เป็นที่รู้จักกันดีว่าเขามักเข้าร่วมวงทะเลาะวิวาทกับพวกนักสู้ที่โหดร้ายและกำยำที่สุดทั้งหลาย เขาถูกทำพิธีล้างบาปและแต่งตั้งฉายาว่า Bristleback จากเหล่าฝูงชนขี้เมาทั้งหลาย เขาผ่านการทะเลาะวิวาทไปทั่วโรงเตี๊ยมเหล้าทุกร้านตามข้างทางถนนระหว่างอาณาจักร Slom และอาณาจักร Elze จนกระทั่งพฤติกรรมท้าตีท้าต่อยของเขาได้ต้องตาเถ้าแก่โรงเตี๊ยมที่กำลังต้องการหาคนคุ้มครองรับจ้างซักคน Bristleback ได้ถูกว่าจ้างแถมด้วยเหล้านิดหน่อย ในการตามเก็บทวงหนี้ลูกค้า ดูแลความสงบในร้าน หรือหักขาซักคนสองคน (หรือห้าคนในบางครั้ง)

หลังจากดื่มด่ำอยู่ในคืนรื่นเริงคืนหนึ่ง ในระหว่างที่เขาและลูกค้าจอมเบี้ยวคนหนึ่งต่างบาดเจ็บพอ ๆ กันกับที่เขาเจ็บบริเวณตับของเขา Bristleback ในที่สุดก็ค้นพบคู่ต่อสู้ที่สูสีกับเขา \"ไอ้เจ้างางอก (Tusk) ของคุณนี่มันหาเรื่องข้าก่อนนะ นายท่าน\" เขาเคยได้ยินเรื่องราวของบุรุษจอมขี้เมา ผู้พูดจาไม่ชัด มีร่างกำยำที่เดินทางมาจากแดนทางตอนเหนือ และค้างหนี้จนเลยกำหนดชำระตนหนึ่งมาแล้ว และเรื่องราวที่ตามมาก็คือ การทะเลาะวิวาทเสมอ เหล่านักสู้เป็นโหลต่างกระโดดเข้าร่วมวงด้วย ไม่มีเก้าอี้นั่งตัวไหนที่จะไม่พัง และในตอนท้ายสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ หนี้ยังคงค้างจ่ายต่อไป หลายอาทิตย์ผ่านไป บาดแผลของ Bristleback เริ่มฟื้นฟูและหนามที่หลังของเขาเริ่มงอกคืน แต่เกียรติยศของนักสู้มันเป็นเหมือนดั่งหนามที่ทิ่มแทง เขาได้ชำระค่าหนี้ด้วยเหรียญทองของเขาเอง และสาบานว่าจะตามล่าชายจากแดนเหนือตนนี้เพื่อกู้หน้าตนเองกลับมา จากนั้นเขาก็ได้ทำในสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อน เขาฝึกฝนฝีมือตนเอง และในการฝึกนี้เขาก็ค้นพบตนเอง รอยยิ้มของเขาแสยะออกและเบ่งขนเม่นของเขา การหันหลังให้กับการต่อสู้เป็นสิ่งที่เหมาะแล้วสำหรับเขา" "npc_dota_hero_tusk_bio" "มันมีแต่เรื่องการวิวาทให้จดจำ เจ้า Ymir ที่เคยยืนอยู่ที่นั่น Tusk ผู้น่าหวาดกลัวจาก Barrier, Snowball จาก Cobalt นักสู้เพียงผู้เดียวที่เคยเอาชนะ Bristled Bruiser ในการต่อสู้ที่เท่าเทียม และบัดนี้ในศึกผู้ยืนหยัดคนสุดท้ายใน Wolfsden Tavern เริ่มต้นด้วยการลงพนันขันต่อภายในบาร์ของพวกหัวโจก และจบลงที่เรื่องเดิม ๆ ช่างตีเหล็กกับทหารเอกทั้งหกนายของ Frost Brigade นอนชักดิ้นชักงอเนื่องจากโดนของมีคมบาด ขวดเหล้า แก้ว เหยือก และโต๊ะเก้าอี้เกือบทั้งหมดพังเสียหายยับเยิน Tusk โอ้อวดและดื่มฉลองให้กับชัยชนะของเขาจนกว่าจะไม่เหลือสุราให้ดื่ม

ยังไม่มีผู้ที่ถูกโค่นคนไหนที่จะฟื้นได้สติ จากนั้นเสียงตะโกนถามว่าใครจะแก้มืออีกมั้ยก็ดังออกมา Tusk รู้สึกพึงพอใจสมดั่งที่เขาหวังเอาไว้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าคิดจะพนันกับคนที่เพิ่งจะโค่นพวกเขาจนราบคาบไปมากกว่านี้ ความเสียหายอันน่าตกตะลึงที่เกิดกับโรงเตี๊ยมของเขา และไม่เห็นหนทางที่จะเลี่ยงการวิวาทครั้งต่อ ๆ ไปได้ เถ้าแก่โรงเตี๊ยมคิดเช่นนั้น ด้วยฝีมือของเขาในตอนนั้น Ymir ยังไม่เคยได้เข้าร่วมในการต่อสู้จริง ยังไม่เคยทดสอบตัวเองกับความตายและความโกลาหลของสงครามที่ไร้ซึ่งการแบ่งแยก เขาเคยวางแผนเอาไว้ว่าจะเดิมพันกับการเป็นนักสู้: แสวงหาการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่จะหาได้ เอาชีวิตรอด และเอาชนะให้ได้ไม่ว่าเขาจะเลือกอยู่ฝ่ายไหน เดิมพันกันมั้ย? ด้วยการดื่มในยกต่อไป" "npc_dota_hero_skywrath_mage_bio" "ชีวิตของดราโกนัสเต็มไปด้วยการอาศัยอยู่อย่างทุกข์ใจ เนื่องด้วยการที่เขาเป็นนักเวทที่ถูกแต่งตั้งในระดับสูงของสภาแห่งราชสำนักแกสต์ลีเอียรีย์ ซึ่งให้คำสัตย์สาบานแต่กำเนิดที่จะต้องปกป้องใครก็ตามที่ประทับอยู่บนพระราชบัลลังก์เนสต์ออฟธอร์น แต่เขานั้นเกลียดชังราชินีแห่งสกายแรธองค์ปัจจุบันสุดก้นบึ้งหัวใจ เมื่อย้อนไปสมัยเยาว์วัย เพราะเขาเกิดในขุนนางชั้นสูง เขาจึงเป็นเพื่อนและพระสหายสนิทกับเจ้าหญิงแห่งสกายแรธองค์โตสุดนั่นคือ เจ้าหญิงเชนเดลแซร์ ที่จะเป็นผู้สืบบัลลังก์ลำดับถัดไปของเนสต์ออฟธอร์น เขารักเธออย่างจริงใจไม่สั่นคลอน แต่เนื่องจากการที่เขาต้องเข้ารับการศึกษา จิตของเขาจึงมุ่งมั่นเรียนรู้เวทมนตร์ลี้ลับและศาตร์ในเวทของชาวสกายแรธ

ระหว่างที่เขาหลงใหลอยู่ในพลังลี้ลับนี้ ทำให้เขาไม่ได้รับรู้ถึงสัญญาณของแผนการกบฏที่หมายปลงพระชนม์เจ้าหญิงเชนเดลแซร์ และเขาก็สูญเสียโอกาสในการขัดขวางมัน ยามที่ราชสำนักสั่นคลอนจากการรัฐประหารอย่างรุนแรงและรวดเร็ว เขาได้ออกมาจากการศึกษาของเขาและพบว่าเพื่อนที่รักมายาวนานของเขาได้จากเขาไปแล้ว บัลลังก์เนสต์ออฟธอร์นบัดนี้ตกเป็นของน้องสาวอำมหิตของเจ้าหญิงเชนเดลแซร์ และดราโกนัสไร้หนทางที่จะทำอะไรได้ พลังเวทของจอมเวทสกายแรธนั้นมีไว้เพื่อรับใช้โดยผู้สาบานจะปกป้องเชื้อสายของสกายแรธเองเท่านั้น ฉะนั้นการต่อต้านเนสต์ออฟธอร์นจะทำให้เขาหมดพลังไป เขายังคงซื่อสัตย์ต่อตำแหน่งของเขา และยังเชื่อว่าสักวันหนึ่งเขาจะมีความหวังในการนำพารักแท้ของเขากลับสู่บัลลังก์อันชอบธรรมของเธอได้ ระหว่างนี้ ความลับของเขามีเพียงเทพีสกรี'ออคเท่านั้นที่ล่วงรู้ เทพีที่มีเวทมนตร์ในการเปลี่ยนร่างของเชนเดลแซร์ที่ไร้ปีกโบยบิน กลายเป็นร่างที่เต็มไปด้วยพลังงานที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น

ขณะที่เขาฝันเพ้อถึงการนำราชินีที่รักของเขากลับมาสู่แกสต์ลีเอียรีย์ เขายิ่งฝันเพ้ออย่างสิ้นหวังถึงการฟื้นฟูร่างของเชนเดลแซร์ให้กลับมามีสภาพสมบูรณ์ได้ ความไม่ซื่อตรงกับหน้าที่ในราชสำนักของเขาทำให้ทรมานทุกข์ใจมาก เพราะเขาผู้เป็นชนชั้นสูงและจิตใจบริสุทธิ์ แต่สิ่งที่ทรมานจิตใจเขามากที่สุดคือการจินตนาการถึงการถูกเกลียดชังจาก Vengeful Spirit ที่จะต้องมีต่อเขา" "npc_dota_hero_abaddon_bio" "Font หรือ บ่อไอน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่ง Avernus เป็นต้นกำเนิดของความแข็งแกร่งของตระกูล Avernus บ่อไอน้ำที่เกิดจากจากรอยแยกของชั้นหินดั้งเดิมที่ปล่อยไอระเหยพวยพุ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ใช้ทำนายอนาคตของเด็กทารกที่เกิดขึ้นมาและชะตากรรมของตระกูลมาแล้วหลายชั่วรุ่น ทารกที่เกิดในบ้านของ Avernus แต่ละคนจะถูกชำระล้างด้วยหมอกทมิฬ การชำระล้างนี้ทำให้พวกเขาสามารถเชื่อมต่อกับพลังพิศวงของแผ่นดิน พวกเขาแต่ละคนจะเติบโตขึ้นบนแนวคิดของการปกป้องวงศ์ตระกูลและสืบทอดเชื้อสาย แต่ความเป็นจริงแล้วสิ่งที่พวกเขาปกป้องอยู่ก็คือบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ Font ซึ่งแรงจูงใจของหมอกทมิฬนี้ก็ยังคงคลุมเครือ

เมื่อทารก Abaddon ได้ถือกำเนิด และถูกชำระล้างที่น้ำศักดิ์สิทธิ์ของ Font ผู้คนที่นั่นเริ่มพูดถึงสิ่งที่ผิดปกติ นั่นคือเด็กคนนี้มีสายตาที่เปี่ยมไปด้วยแสงประกายแห่งความรู้แจ้ง จนเหล่านักบุญทางศาสนาเริ่มกระซิบบอกเล่าต่อกัน ทำให้ Abaddon ถูกเลี้ยงดูโดยได้รับความคาดหวังจากทุกคนของตระกูล Avernus ที่ต้องเดินตามสายทางของทายาทตระกูล -- พวกเขาตั้งใจจะฝึกอบรม Abandon เพื่อการสงคราม และในยามที่จำเป็นสามารถเป็นผู้นำกองทัพของตระกูล และพร้อมปกป้องดินแดนของบรรพบุรุษ แต่ Abandon กลับไม่เป็นดั่งที่ทุกคนคาดหวัง ในขณะที่คนอื่นได้ฝึกฝนการใช้อาวุธ แต่ Abaddon กลับฝึกฝนสมาธิท่ามกลางหมอกทมิฬที่ปกคลุมตัว เขาดื่มเอาไอระเหยที่ไหลออกมาจากบ่อน้ำพุศักดิสิทธิ เขาฝึกฝนการผสมผสานจิตวิญญาณของเขาเข้ากับพลังจากหมอกทมิฬ ในที่สุดเขาก็กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีปกคลุมไปด้วยหมอกทมิฬ

การกระทำของเขาส่งผลให้เกิดความไม่พอใจอย่างมากในตระกูล Avernus -- ผู้เฒ่าและพลทหารในกองทัพล้วนกล่าวหาว่า Abaddon ละเลยความรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่ แต่ข้อกล่าวหาทั้งหมดถูกยุติลงทันที เมื่อ Abaddon ควบม้าเข้าสู่สนามรบ เขาแสดงให้ประจักษ์ถึงพลังอำนาจของหมอกทมิฬ ทำให้ Abaddon อยู่เหนือชีวิต และความตาย เหนือกว่าจอมพลทั้งหมดที่เคยมีมาในตระกูล Avernus" "npc_dota_hero_elder_titan_bio" "บางทีคุณอาจจะเคยสงสัยว่า \"โลกนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร?\" ทำไมในบรรดาโลกที่ถูกสร้างขึ้นนั้น มีเพียงที่นี่เท่านั้นที่แตกต่าง มันเต็มไปด้วยสัตว์นานาพันธุ์ที่แสนหลากหลาย มีวัฒนธรรมและเรื่องเล่าอยู่มากมาย? จากหนึ่งในเรื่องเล่ามากมายได้กล่าวไว้ว่า \"คำตอบนั้น.. อยู่ที่พวกไททัน\"

หากไม่นับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้สร้างตัวจริงแล้ว พวกเขาก็เปรียบดั่งต้นกำเนิดของสรรพชีวิตทั้งมวลที่อยู่ใกล้กับจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งที่สุด แม้ไม่ได้ประจักษ์ผ่านช่วงกำเนิดเริ่มต้นด้วยตนเอง พวกเขาก็เกิดมาพร้อมกับเสียงที่ยังคงดังก้องอยู่ในหู พร้อมด้วยพลังงานแรกเริ่มของทั้งจักรวาลติดมากับตัว พวกเขาไม่เคยปรารถนาสิ่งใด นอกจากสานต่อการสร้างสิ่งต่าง ๆ ต่อไปในฐานะผู้สร้าง ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงเริ่มงานขึ้นรูปของสิ่งต่าง ๆ ตามความตั้งใจของพวกเขา พวกเขาเริ่มลงค้อน ให้ความร้อน ดัดขึ้นรูป หรือแม้แต่ระเบิดมัน และเมื่อใดที่พวกเขาพึงพอใจกับทุกสิ่งที่สร้างขึ้นมาแล้วนั้น พวกเขาก็เริ่มหันเครื่องมือมาที่ตัวพวกเขาเอง และเริ่มการปรับเปลี่ยนจิตใจและสร้างวิญญาณของพวกเขาขึ้นมาใหม่ไปเรื่อย ๆ จนกว่าพวกเขาจะกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งความเป็นจริงนี้ มันก็กลายเป็นผลงานที่ดีที่สุดของพวกเขา แต่ทว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีบางครั้งที่พวกเขาเองก็ทำพลาด เพราะว่าอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่นั้น ความผิดพลาดเองก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน

ผู้ที่เรารู้จักกันในนาม Elder Titan นั้นเคยเป็นนักบุกเบิกผู้ยิ่งใหญ่ ผู้เรียนรู้ในศาสตร์ของการสร้าง เพื่อที่จะฝึกฝนทักษะของเขา เขาทำการแยกส่วนบางสิ่งที่ไม่อาจซ่อมแซมได้อีก ทำได้เพียงโยนมันทิ้งเท่านั้น เขาได้ตกลงสู่โลกที่พังทลายของเขา ด้วยวิญญาณที่แยกส่วนออกมาด้วยตัวเขาเอง ที่นั่นเขาได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเศษหินที่ขรุขระ และแผ่นดินที่มีแต่รอยแยก พร้อมกับเหล่าชิ้นส่วนอื่น ๆ ที่สูญหายไปตามรอยแยกในช่วงยุคต้นของจักรวาล และนั่นคือสาเหตุว่าทำไมโลกที่เรารู้จักถึงถูกเรียกว่า หมู่เกาะที่ถูกทิ้งร้าง เหล่าผู้ที่รอดชีวิตนั้นก็ถูกลืมเลือนไปเนิ่นนานแล้ว ถูกลืมโดยตัวเขาเองที่คอยตำหนิตัวเองเรื่อยมา เขาใช้เวลาชั่วนิรันดร์ของเขาในการพยายามหาวิธีซ่อมแซมให้สำเร็จ และนั่นอาจจะนำเขาไปพบกับชิ้นส่วนวิญญาณที่พังทลายของเขา ในที่ที่พวกเราและโลกที่เรารู้จักจะถูกซ่อมแซมได้อีกครั้ง และนี่คือเรื่องราวของผู้ที่เรารู้จักกันในนาม Elder Titan" "npc_dota_hero_legion_commander_bio" "พวกมันโผล่ขึ้นมาโดยไร้สัญญานเตือนภัยใด ๆ ภายในกำแพงเมือง Stonehall มีเสียงอึกทึกและความน่ากลัวอยู่ภายใน จากความมืดมิดที่ไม่ทราบที่มา กองทัพอสูรร้ายจำนวนมากเกินกว่าจะนับได้ กวัดแกว่งเปลวเพลิงและเวทมนตร์ชั่วร้าย ฆ่าฟันสังหารทั้งมารดาและบุตรเพื่อจุดประสงค์ด้านมืด ด้วยกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งที่สุดของเมือง Stonehall มีเพียงกองทัพกลุ่ม Bronze Legion เท่านั้นที่นำทัพโดยจอมทัพไร้พ่าย ผู้บัญชาการ Tresdin ที่อยู่ใกล้พอที่จะเดินทัพมาช่วยตามคำเรียกร้อง พวกเขาเดินทัพเข้าประตูเมืองของพวกเขา โจมตีปะทะผ่านตรอกซอกซอยที่เปื้อนเลือด และตลาดที่ถูกเผาไหม้ บุกฝ่าเปิดทางผ่านเหล่าทัพป่าเถื่อนที่ยืนกันแน่นขนัด เพื่อไปยังต้นตอที่มาของการบุกรุกอย่างฉับพลันนี้ รอยแตกแยกมิติที่ดูไม่ใช่จากโลกมนุษย์ อยู่กลางจัตุรัสเมือง และที่ปลายทางประตูมิติที่ผ่าลงมา นักสู้ที่แสนน่ากลัวยืนตระหง่านอยู่

ผู้นำของกองทัพปีศาจจากขุมนรกลึก ถูกห่อหุ้มด้วยสิ่งที่มีความแวววาวแต่มีพิษกัดกร่อน กวัดแกว่งดาบเล่มมหึมา ผ่าร่างของทหารกองออกเป็นสองส่วนและเนื้อหนังละลาย Tresdin ยกดาบเปื้อนเลือดของเธอ และประจัญหน้ากับอสูรร้าย ปีศาจอสูรหันหน้าหาเธอแสยะยิ้มแยกเขี้ยวที่แหลมคมใส่ ทั้งสองพุ่งเข้าหากันโดยไม่สนใจสมรภูมิที่เดือดดาลรอบข้าง

ดาบปะทะดาบฟาดฟันกัน สองนักรบร่ายรำกระบวนท่าหวังปลิดชีพฝ่ายตรงข้าม จนกระทั่งนักรบเกราะสีบรอนซ์เตรียมมอบจุดจบนักรบปีศาจได้ Tresdin พุ่งถลาใส่ ในขณะที่ศัตรูของเธอเหวี่ยงดาบสวนใส่ สถานการณ์พลิก เมื่อการโจมตีของมันฟาดถูก Tresdin อย่างจัง กระแทกด้านข้างอย่างรุนแรง แต่ถึงแม้ว่าเธอจะสูญเสียการทรงตัว เธอโหมกำลังอีกเฮือกเพื่อฟันกลับอีกหนึ่งครั้ง คมดาบขัดคมดาบ จากที่ปลายด้ามดาบจรดเท้าที่ตะปุ่มตะป่ำ ถูกแยกเป็นสองส่วน และสาดออกเป็นประกายไฟและเลือดอย่างน่ากลัว เหล่าผู้เฝ้ามองเหตุการณ์ที่ชั่วร้าย ต่างตกตะลึงเมื่อเห็นเธอเสียบดาบผ่านเนื้อศัตรูเข้าไปถึงหัวใจที่อลหม่าน ด้วยเสียงกรีดร้องที่แยกเมฆเหนือศีรษะ เจ้าอสูรระเบิดตัวเป็นพายุเชี่ยวที่เต็มไปด้วยเลือดและความปวดร้าว ประตูมิติสั่นคลอน พลังที่คงสภาพช่องโหว่ของประตูอันตรธานหายไป เหล่าสัตว์ร้ายที่ยังคงเหลืออยู่ถูกโค่นล้มด้วยเหล็กของ Stonehall

แม้จะได้รับชัยชนะ แต่คงมีผู้รอดชีวิตเพียงน้อยนิดที่อยู่เพื่อเฉลิมฉลอง เมืองอยู่ในซากปรักหักพัง และผู้รอดชีวิตเพียงไม่กี่คน ไฟไหม้ยังคงลามอยู่ Tresdin กางธงศึกของเธอออก รวบรวมพันธมิตรที่สามารถหาได้ ความโกรธกริ้วคุกรุ่นเมื่อเธอปฏิญาณตน จะออกขจัดกองกำลังอเวจีด้วยความคับแค้น และใครก็ตามที่คิดยืนขวางทางเธอ" "npc_dota_hero_ember_spirit_bio" "ในหุบเขา Wailing Mountain ป้อมปราการแห่งเปลวเพลิงได้ล่มสลายไป และถูกทิ้งร้างไว้ มีเพียงโรงฝึกที่ว่างเปล่า ลานวัดที่ถูกปกคลุมด้วยฝุ่นและใบไม้ เหนือพื้นห้องยกระดับของวัดที่ถูกปิดไว้ มีอ่างหินบุษราคัมที่เต็มไปด้วยขี้เถ้าเก่าแก่อยู่ภายใน เป็นเถ้าอัฐิที่ยังคงเหลืออยู่ของนักรบและนักกวี Xin ผู้เคยเป็นปรมาจารย์ที่ได้สอนเหล่าเด็กวัดถึงสายโยงเชื่อมต่อกับเทพผู้พิทักษ์แห่งอัคคีมาแล้วถึงสามชั่วรุ่น มนตราที่ต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่องในการฝึกจิตใจกับร่างกายเพื่อพร้อมรับมือกับโลกความจริงโหดร้ายภายนอกกำแพงป้อม

แต่อย่างไรก็ตาม การสอนแบบวิถีนักรบนั้น นำพาซึ่งศัตรูตามมา และปรมาจารย์ Xin ได้พ่ายแพ้และถูกปลิดชีวิตในฤดูใบไม้ผลิของท่าน เหล่าสาวกผู้ติดตามของเขาได้แยกทางไปกับสายลม อย่างไรก็ตามเวลาได้ผ่านไปนับหลายศตวรรษ เหล่าสาวกสิบทอดต่อไปหลายรุ่น คำสอนของท่านปรมาจารย์ได้ยังคงยึดมั่นอยู่ด้วยเสียงเล่าขานและการปฏิบัติ ด้วยความศรัทธาในคำสอนที่เป็นมรดกสืบทอดกันมา พลังวิญญาณธาตุไฟที่อยากรู้อยากเห็น ได้ก่อร่างตนเองขึ้นมาในป้อมปราการแห่งเปลวเพลิงนี้ และจุดไฟชนวนอีกครั้งจากเถ้าอัฐิ จนเกิดเถ้าถ่านที่ไฟคุกรุ่นในรูปลักษณ์ของปรมาจารย์ Xin ผู้ล่วงลับ รายล้อมด้วยเปลวเพลิง สีหน้าอารมณ์ที่ครุ่นคิดของเขาเตรียมพร้อมแล้วที่จะฝึกฝนและเผยแพร่คำสอน และแพร่กระจายเปลวไฟแห่งความรู้ให้กับทุกคนที่แสวงหาสิ่งนำทาง" "npc_dota_hero_earth_spirit_bio" "ลึกเข้าไปท่ามกลางหุบเขาที่เต็มไปด้วยโขดหินและผาชัน ที่นั่นมีแนวร่องชั้นหินของหินหยกที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่าคนงานเหมืองบนที่ราบสูงใช้บูชาสาบานมายาวนาน สสารวัตถุที่หายากนี้ถูกแกะสลักเป็นรูปปั้นเสมือนของแม่ทัพ Kaolin ผู้ยิ่งใหญ่ และถูกฝังไว้ที่ยอดสุสานหินของกองทัพกำลังหมื่นนาย--รูปปั้นของกองทหารและพระนักบวชรวมทั้งนักกายกรรมและตัวตลก ถูกสลักโดยเหล่าช่างแกะสลักและนำไปตั้งเป็นสุสานเพื่ออยู่ภายใต้พลังของผืนดินชั่วนานหลายสหัสวรรษ

แต่สิ่งที่ช่างแกะสลักไม่เคยทราบคือ ภายใต้ร่องชั้นหินหยกนั้นมีจิตวิญญาณธาตุดินไหลเวียนอยู่--พลังธาตุที่เป็นหนึ่งเดียวกับดวงดาวเคราะห์ เมื่อพลังงานภายใต้รูปหินหยกนี้ค้นพบทางออกจากสายโลหิตของโลก มันรวบรวมพละกำลังที่สะสมมากว่าพันปีปลดปล่อยตนเองขึ้นมาสู่แสงสว่าง บัดนี้ Kaolin เทพแห่งธาตุดิน กระโดดก้าวอยู่บนทางเดินบนสูง ต่อสู้เพื่อจิตวิญญาณแห่งแผ่นดิน และเมื่อถึงยามคับขันเขาจะเรียกกองทัพที่ถูงฝังอยู่และเป็นจิตร่วมกับแผ่นดินขึ้นมาเดินทัพบุกไปข้างหน้า" "npc_dota_hero_abyssal_underlord_bio" "ไม่มีตำนานหรือบทเพลงใดหลงเหลือเพื่อเล่าขานถึงการมาของพวกเขา

ลึกลงไปใต้ผืนโลกอันเต็มไปด้วยสิ่งน่าพิศวงและน่าสะพรึงกลัว ซึ่งลึกและลึกลงไปอีก ใต้บริเวณแมกมาที่กำลังไหลและฐานของภูเขาไฟที่กำลังปะทุข้างเมืองออบซิเดียนนาม Aziyog มันเป็นเมืองหินที่มิอาจเปรียบเทียบกับสิ่งใดได้ ซึ่งทอดไปด้วยถ้ำอันไม่มีจุดสิ้นสุด ภายในผนังกำแพงลวดลายคล้ายรังผึ้งเต็มไปด้วยเศษกระดูกของทาสที่นับไม่ถ้วนกองอยู่บนอาณาจักรของเหล่า Abyssal Horde และ Vrogros เจ้าแห่งใต้พิภพอันโหดเหี้ยมของพวกมัน

พวกมันถืออาวุธขนาดมหึมาที่ถูกหล่อหลอมขึ้นโดยสุดยอดช่างหล่อในดินแดนของพวกมัน และถูกฝึกฝนการต่อสู้มาอย่างดีในรอยแยก Dark Rift Vrogros สามารถอัญเชิญเปลวเพลิงให้ตกลงมาและหลุมอาฆาตให้ขึ้นมาได้ผ่านการบิดเบือนระหว่างสองโลก เขาเสาะหาพื้นที่เพื่อยึดครองมากขึ้นอยู่เสมอ และทำลายหรือสั่งให้ทุกสิ่งที่ขวางหน้าเขาไปเป็นทาส แต่ดินแดนที่อยู่ในอาณาจักรใต้พิภพมีเพียงน้อยนิด ด้วยเหตุนั้นเขาจึงย้ายพลขึ้นมายังผืนโลก ด้วยคำสั่งให้ผู้รุกรานพิศวงกลุ่มแรกเดินผ่านรอยแยก เป็นเพียงกองทหารเสี่ยงตายเพื่อทดสอบฤทธิ์เดชของอาณาจักรที่อยู่ด้านบน และตอนนี้ ด้วยพลังอันเต็มเปี่ยมของเขาเพื่อเตรียมพร้อมตัวเองสำหรับการยึดครองอันไม่มีวันสิ้นสุด Vrogros ก็ได้นำพาตัวเองขึ้นไปยังผืนโลกอันสว่างเพื่อประกาศมาถึงของเขาเพื่อยึดครองอำนาจ เหล่าผู้ที่เผชิญหน้ากับ Underlord ต้องเลือกระหว่างจะน้อมคำนับและส่งบรรณาการ หรือจะถูกบดขยี้บนจุดที่พวกเขายืนอยู่" "npc_dota_hero_phoenix_bio" "ท่ามกลางความมืดอันมิอาจหยั่งถึง ปรากฏประกายแสงตะวันแรกแห่ง Keeper ประจุแสงประหลาดอันมีจิตสำนึกถูกลิขิตมาเพื่อมอบความอบอุ่นให้แก่ผืนพิภพอันว่างเปล่า ข้ามผ่านนิรันดร์กาลที่ยาวนานเหลือคณานับ ดวงไฟอันมองไม่เห็นนี้จะรวบรวมพลังมหาศาลของตน ก่อนจะระเบิดออกเป็นไฟหายนะ Supernova จากไฟที่ร้อนดั่งนรกในครั้งนั้น ก่อกำเนิดประกายแสงอันใหม่ ดวงดาวทายาทอันมีลักษณะเหมือนผู้ให้กำเนิดของมัน ผู้ท่องผ่านมหาสมุทรอันมืดมิดและปักหลักอยู่ท่ามกลางกลุ่มดาวฤกษ์ สักวัน ทายาทเหล่านี้ก็ต้องถ่ายทอดเปลวไฟ Supernova วัฏจักรอันเปล่งประกายแห่งการเกิดและดับสูญจะวนเวียนต่อไป จนกว่าท้องฟ้าที่เทพ Titan สร้างมาด้วยความเหนื่อยยากไม่อาจจะส่องประกายได้อีกต่อไป

ในเตาหลอมอันเป็นนิรันดร์ ดวงดาราอมตะนั้นได้ถูกเรียกขานว่า Phoenix สลายตัวลงเพื่อก่อเกิดความมีอยู่ และถูกผลักดันเข้าสู่ห้วงอวกาศอันไร้จุดสิ้นสุด เพื่อตามหาที่ของตนท่ามกลางหมู่ดาวพี่น้องเช่นเดียวกับบรรพบุรุษ ความอยากรู้อยากเห็นได้เข้าครอบงำลูกนกตัวน้อย ว่าดวงดาวชราดวงใดกำลังดับสูญอยู่ในความมืด รวมทั้งเรื่องวัฏจักรอันยาวนานที่มันเฝ้าตั้งคำถามและเรียนรู้ สิ่งนั้นได้ทราบว่าท่ามกลางโลกมากมาย ทั้งที่ยังสมบูรณ์และพังทลาย กำลังจะเข้ามาแสดงเอกลักษณ์อันโดดเด่นของตนในสงครามสำคัญระดับจักรวาลที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน สิ่งหนึ่งที่กำลังจะค้นพบว่าตนมีค่ามากกว่าเพียงแค่แสงซึ่งส่องจากดวงอาทิตย์ที่กำลังดับลง ด้วยเหตุนี้ บุตรแห่งดวงอาทิตย์จึงถือกำเนิดขึ้นบนโลก แสวงหาหนทางที่จะสาดส่องความอบอุ่นให้แก่ผู้ที่ต้องการมัน หรือผู้ที่อาจคิดจะควบคุมโชคชะตาของมัน" "npc_dota_hero_terrorblade_bio" "Terrorblade นั้นคือปีศาจจอมช่วงชิง -- มหาวายร้ายผู้แหกกฎที่แม้แต่ปีศาจตนอื่นยังต้องเกรงกลัว เป็นผู้ทำลายภาพพจน์ของจักรวาล เขาได้ทำการช่วงชิงสิ่งต่าง ๆ จากบรรดาราชันย์ปีศาจ เพิกเฉยต่อพิธีกรรมที่ควรวางกรอบพฤติกรรมของเขา และยังแหกกฎทุกกฎของนรกภูมิทั้งเจ็ด และจากความผิดที่เขาก่อไว้ก็ได้ให้บทเรียนแก่เขาว่า: แม้กระทั่งในนรกก็ยังมีขุมนรกอยู่อีก จากการพิพากษาระยะเวลาสั้น ๆ ด้วยการทรมาน ร่วมกับเหล่าวิญญาณปรโลกทั้งหลาย และเขาก็ได้ถูกจองจำอยู่ใน Foulfell เป็นมิติที่ซ่อนอยู่ซึ่งเหล่าปีศาจถูกกักขังในตนเอง

แต่ Foulfell มิใช่คุกธรรมดาทั่วไป แต่มีกระจกมืดซึ่งสะท้อนเงาอันมืดมิดของความเป็นจริง ซึ่งเหล่าปีศาจถูกพิพากษาให้จ้องมองภาพสะท้อนอันบิดเบี้ยวภายในจิตวิญญาณของตน แต่แทนที่จะได้รับความทุกข์ทรมาน Terrorblade ได้บรรลุถึงเงาสะท้อนที่ชั่วร้ายที่สุดของตัวเขา -- ปีศาจร้ายที่พลังคลุ้มคลั่งและชอบช่วงชิงพลังที่เกินกว่าจินตนาการได้ ด้วยจิตดุร้ายภายในของเขา เขาพังทำลายกำแพงมิติ แล้วเปลี่ยนความน่าสะพรึงกลัวของตน ปลดปล่อยมันออกมาสู่โลกแห่งความจริง" "npc_dota_hero_oracle_bio" "เหล่าบรรพบุรุษของผู้ครองบัลลังก์แห่ง Cymurri ได้ผูกขาดต้อนรับกลุ่มเทพพยากรณ์จากสำนัก Ivory Incubarium ที่อยู่สูงบนยอดของแอ่งทิวเขา Zealot โดยมัดจำไว้ตั้งแต่ตัวอ่อนเริ่มปฏิสนธิ และจ่ายส่วนที่เหลือให้ครบเมื่อได้รับผู้พยากรณ์ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ถึงที่ประตูเมือง Graven

เหล่าเทพพยากรณ์ที่ได้รับเลือกและรับรองซึ่งถูกเลี้ยงดูโดยเหล่านางพยากรณ์สูงสุด Pallid Sybils ผู้ที่ทั้งเลี้ยงดูและให้กำเนิดพวกเขา ต่างถูกยึดติดอยู่ในรูปลักษณ์ทางกายภาพ ดังเช่นเดียวกับร่างกายในโลกของพวกเรา แต่ในขณะที่จิตวิญญาณของพวกเขาคอยท่องไปในแดนไกล เชื่อมผูกติดกับกายด้วยเส้นใยอวกาศอันแสนบางเบา หลังจากท่องไปยังโลกภายนอก พวกเขาก็กลับมาเล่ากล่าวด้วยคำพยากรณ์แห่งลางบอกเหตุเมื่อกลับมายังร่างกายหยาบ คำกล่าวที่น่าเลื่อมใสของพวกเขาถูกวิเคราะห์โดยที่ปรึกษาแห่ง Cymurri ผู้รับสารแห่งนิมิตในอนาคต และเป็นตัวแทนที่ปรึกษาเพื่อไปทูลคำพยากรณ์ให้แก่กษัตริย์แห่ง Graven ทราบเพื่อคว้าชัยชนะในทุกสมรภูมิ ไม่ว่าจะในสภาราชสำนักหรือในสนามรบ และมันเป็นเช่นนี้มาหลายรุ่นแล้ว ในหน้าหนังสือประวัติศาสตร์แห่ง Graven มีชื่อกษัตริย์ผู้กำศึกชัยชนะมากมายมาหลายรุ่นรวมถึงชัยชนะใหม่ ๆ ที่พวกเขาได้รับมา และมันก็ดูจะไปได้ด้วยดี จนกระทั่งนักพยากรณ์นามว่า Nerif ได้ปรากฏตัวขึ้นมารับใช้กษัตริย์ผู้สวมหมวกศิลาองค์ท้ายที่สุดนี้

แต่แรกเริ่ม คำทำนายของ Nerif นั่นช่างแปลกประหลาด มันดูเหมือนไม่ได้เป็นเพียงแค่การทำนายอนาคต แต่เป็นเหมือนการสร้างอนาคตขึ้นมา ผู้ทำนายอนาคตที่แสนประหลาดพึมพำคำแนะนำออกมาโดยไม่มีใครขอให้ทำ และนั่นทำให้พวกเหล่าขุนนางแห่ง Cymurri ได้รู้สึกถึงภัยความขัดแย้งจากศัตรูคนใหม่ของพวกเขา เหล่าคณะที่ปรึกษาของสภารู้สึกถึงภัยคุกคามต่ออำนาจของพวกเขา และพุ่งเป้าไปยังนักพยากรณ์คนล่าสุดที่ไม่เป็นที่พึงประสงค์ พวกเขาทูลขอการถอดถอน และถวายฎีกาถึงนางพยากรณ์สูงสุด Pallid Sybils ถึงนักพยากรณ์ที่ไร้ประสิทธิภาพและต้องการแทนที่ด้วยที่เหมาะสมกว่านี้คนใหม่ แต่ Nerif ได้อธิบายถึงฝันที่บอกเหตุร้ายถึงความพินาศของสำนัก Incubarium และภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงก็มีสารแจ้งถึงเหตุหิมะถล่มครั้งใหญ่ได้พังทลายสำนักโบราณ ด้วยความหวาดกลัวในการประสบโชคชะตาเช่นเดียวกับเหล่านางพยากรณ์ Pallid Sybils เหล่าที่ปรึกษาได้ถอนตัวจากสภาราชสำนัก และกังวลที่จะหลีกเลี่ยงคำเตือนของ Nerif

แต่อย่างไรก็ตาม กษัตริย์แห่ง Graven เป็นผู้ยึดถือประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่เป็นหลัก พระองค์เห็นแย้งในประชามติของเหล่าที่ปรึกษาที่ระแวงเกินเหตุ พระองค์ให้เหตุผลถึงความหายากของความสามารถนักพยากรณ์คนนี้ ที่ควรค่าแก่การเป็นดั่งศาสตราวุธที่จะนำพาความยิ่งใหญ่แก่พระองค์ได้ ดังนั้นพระองค์จึงได้ลดขั้นเหล่าขุนนางที่ปรึกษาและแต่งตั้ง Nerif มาคอยอยู่ข้างกายของพระองค์ ด้วยความหารู้ไม่จะเข้าใจถึงความสามารถของ Nerif อย่างแท้จริง พระองค์ทรงสั่งได้ทุกสิ่งที่พระองค์ต้องการ และเกลี้ยกล่อม Nerif ให้คอยกล่าวแต่สิ่งที่พระองค์ประสงค์จากคำทำนาย

ในช่วงแรกก็ไปได้ด้วยดี กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่ง Graven ได้คุยโวโอ้อวดถึงการรับอุปถัมภ์สัตว์เลี้ยงแห่งโชคชะตาของเขา พระองค์เองยังเล่นกับโชคชะตาของตนเองอีกด้วย แต่พระองค์นั้นก็สมควรรับฟังคำเตือนที่ได้บอกกล่าวมา เมื่อหนึ่งคืนก่อนเกิดการรุกรานจากพวกข้าหลวงที่ไม่พอใจ พระองค์พยายามที่จะบีบบังคับเทพพยากรณ์ของพระองค์ให้ทำนายชัยชนะที่แน่นอนให้ แต่มีเพียงการได้ยินเสียงพึมพัมเงียบ ๆ ของ Nerif ว่า \"มันเป็นไปได้ทั้งสองทาง\" และไม่มีคำแถลงที่หนักแน่นที่พระองค์จะเค้นจากปากของ Nerif ได้มากไปกว่านี้ แต่อย่างไรก็ตามพระองค์ยังคงเชื่อมั่นในกองทหารของตน พวกฝ่ายข้าหลวงต่างถูกปิดล้อม มีอาวุธน้อยนิดไร้ประสิทธิภาพ และยังถูกปิดกั้นจากพันธมิตรต่าง ๆ พระองค์ได้คิดว่าคำกล่าวที่ว่า \"มันเป็นไปได้ทั้งสองทาง\" คือสิ่งที่เป็นพลังในการคว้าชัยของฝ่ายพระองค์ มันคงมีความเสี่ยงเพียงน้อยนิดในแผนของพระองค์

แน่นอน พวกเราต่างก็ทราบดีว่าพระองค์ควรจะเชื่อคำบอกกล่าวที่ได้รับเตือนมาให้มากกว่านี้ สิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าพระราชวังของข้าหลวงผู้ไม่เคยพอเป็นสิ่งที่ไม่อาจเชื่อสายตาได้ว่าจะเป็นไปได้ มันดูเหมือนว่าภายในใจกลางของการนองเลือด การสู้รบเริ่มจะถูกแบ่งเป็นสองส่วน ทุก ๆ ช่วงเวลาสำคัญ ความเป็นจริงเริ่มที่จะแบ่งแยกและแตกเป็นเสี่ยง เหล่าทหารที่โซเซและล้มตายในสนามรบก็ยังคงยืนหยัดสู้อยู่ด้วยเช่นกัน จิตใจของพวกเขาต่างถูกแบ่งแยก เหล่านักรบพบว่าตนเองทั้งตายและยังไม่ตาย มีตัวตนและไม่มีตัวตน ผลที่เกิดขึ้นทั้งชัยชนะและความพ่ายแพ้ต่างเกิดขึ้นพร้อม ๆ กันกับกองทัพทั้งสองฝ่าย จักรวาลตอนนี้กลายเป็นเหมือนห้องกระจกเงา ที่กระจกทุกบานต่างสะท้อนกันและกันแบบไม่จบสิ้น

ผลกระทบที่เกิดขึ้นทันทีกับทั้งสองฝั่งนั้นสุดจะเกินบรรยาย มันยากเกินจะทำความเข้าใจของความรู้สึกที่มีทั้งได้ชัยชนะและพ่ายแพ้ไปพร้อม ๆ กัน สติของกษัตริย์ Graven แตกกระเจิงกลายเป็นผุยผงแห่งความบ้าคลั่ง เหล่าข้าหลวงที่อ่อนต่อโลกเองก็ไม่ต่างกัน ความเป็นจริงที่ตรงข้ามกันยังคงแตกตัวต่อไปเรื่อย ๆ สะท้อนก้องเป็นประวัติศาสตร์มากมายที่ไม่มีวันสิ้นสุด และทั้งหมดนั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่สับสนมึนงงมากมายที่ต่างก็สูญเสียความสามารถในการกิน แต่งกาย ป้องกันตัว หรือขยายพันธุ์ตามธรรมชาติปกติได้

เป็นเวลานานก่อนที่ผลกระทบจะขยายไปมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เหล่าที่ปรึกษาที่คอยเฝ้าระวังแห่ง Cymurri ได้จับกุมตัว Nerif ไว้พร้อมพันธนาการและอุดปากเขาไว้ได้ และส่งตัวเขาออกไปจากจักรวาลของพวกเขาด้วยความเร็วสูงบนเรือข้ามมิติ ด้วยความหวังที่จะกำจัดเขาไปให้ไกลเกินที่จะกลับมาทำร้ายพวกเขาได้อีกตลอดไป แน่นอนว่ามันสายเกินไปหน่อยสำหรับพวกเขา และมันก็อาจสายเกินไปสำหรับพวกเราด้วยเช่นกัน" "npc_dota_hero_techies_bio" "ในเรื่องเล่าของตำนานการผจญภัยแห่งเมืองริมอ่าว Dredger's Bight คงไม่มีเรื่องใดที่น่าอัปยศเกินกว่าหายนะทำลายล้างของเรื่อง Techies Demolitions อีกแล้ว และอีกครั้งที่เป็นเหตุให้ Dredger's Bight ไร้การมีอยู่จากนั้นเป็นต้นมา รวมถึงเมือง Toterin และ Trapper Town ก็เช่นกัน ความจริงแล้วหากมีใครสักคนขุดคุ้ยติดตามความจริงของเรื่องราวของ Techies Demolitions นี้ละก็ พวกเขาคงค้นพบว่าเพียงเวลาสั้น ๆ ที่พบการปรากฏตัวของเจ้าพวก Techies ขึ้นมาที่ใด เมืองแถบนั้นมักจะอันตรธานหายไปเช่นกัน

ราวกับว่าหายนะทุกอย่างที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้จะรายล้อมอยู่รอบตัวพวก Techies การหายไปของเมือง Dredger's Bight นั้นมีที่มาเริ่มต้นจากการประดิษฐ์บางสิ่ง จากการที่ได้รับมอบหมายงานให้ออกแบบวิธีการจุดระเบิดเหมืองที่อยู่ใต้เมืองให้ปลอดภัยขึ้น สามสหายอัจฉริยะผู้เชี่ยวชาญเพลิง Squee Spleen และ Spoon ได้พัฒนาสร้างสิ่งประดิษฐ์อันแสนพิกลที่สุดของพวกเขา คือปุ่มกดที่เมื่อกดลงไปแล้ว จะจุดชนวนอุปกรณ์จากระยะไกลได้

ด้วยความกระตือรือร้นที่อยากทดสอบสิ่งประดิษฐ์ของพวกเขาเต็มแก่ สามเกลอแข็งขันกันเติมผงดินระเบิดลงในถังแล้วถังเล่า ในห้องทดลองเล็ก ๆ ของพวกเขาเต็มไปด้วยระเบิดควบคุมระยะไกลที่เพิ่งพัฒนาใหม่ของพวกเขาสุมเป็นกองอยู่ทั่วทุกมุมห้อง พวกเขาลากระเบิดทั้งหมดออกไปในทีเดียวจากในคลังอาวุธของพวกเขา แล้วนำไปฝังไว้ในที่ไกล ๆ ในขณะที่พวกเขาต่างหมอบหลบอยู่ในหลุม Spleen ก็กดปุ่มจุดชนวน แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในเวลานั้น ด้วยความฉงนใจ เขาจึงยืนขึ้นแล้วกดปุ่มย้ำอีกครั้งและอีกครั้งจนกระทั่ง เกิดระเบิดรุนแรงจนฉีกกระชากเป็นหลุมในสนาม หลังจากนั้น Squee และ Spleen เจอแรงมหาศาลของคลื่นเสียงกระแทกพวกเขาปลิวจนลอยกลับมาถึงบ้าน

ด้วยความงุนงง หูของพวกเขายังคงอื้อก้องไปหมดจากแรงระเบิดที่คาดไม่ถึง พวกเขาสองคนรวมตัวกันในหมอกไอพิษสกปรกและพบว่าควันโขมงลอยอยู่เหนือที่ที่เคยเป็นที่ตั้งห้องทดลองของพวกเขา เศษไม้และหินยังคงค่อย ๆ ร่วงกราวลงในขณะที่หลุมจากแรงระเบิดที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาค่อย ๆ ขยายลึกลงไปอย่างช้า ๆ จนเป็นหลุมกว้างขึ้นมา เมือง Dredger's Bight ทั้งเมืองสั่นไหว และค่อย ๆ เลื่อนไหลจมลงไปในเหมืองที่อยู่ข้างใต้ โดยที่ชาวเมืองต่างก็หนีตายอย่างโกลาหล

ขณะที่กำลังนั่งกันอยู่ที่ขอบหลุมตรงที่ที่บ้านของพวกเขาจมลงไป พวกเขายิ้มเยาะและหัวเราะคิกคักกัน ที่สะเพร่าเลินเล่อในความเป็นไปได้ เมื่อพวกเขาไม่ได้ตระหนักถึงเสียงก่นด่าของเหล่าเพื่อนบ้านของพวกเขาเลย พวกเขามีเพียงสิ่งเดียวที่สงสัยอยากรู้ว่า พวกเขาจะจุดระเบิดให้รุนแรงยิ่งกว่านี้ได้ยังไงนะ?" "npc_dota_hero_winter_wyvern_bio" "Auroth ก็เป็นดั่งเช่นนักกวีเอกที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย ที่เพียงแต่ต้องการเวลาในการประพันธ์บทกวี หากแต่ชีวิตของการเป็นมังกร Winter Wyvern นั้นเต็มไปด้วยการถูกขัดจังหวะเวลา บทมหากาพย์ของมังกรโบราณนั้นมีเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและมีสีสัน แต่ก็มีบางคนที่เกรงว่าเหล่ามังกรปราชญ์ที่เหลืออยู่จะไม่มีมากมายเหมือนเมื่อสมัยก่อนแล้ว มีเพียงบรรทัดเพียงไม่กี่บรรทัดที่ถูกเขียนเพิ่มในบทกวีมังกร Eldwurm Edda ตั้งแต่ยุครุ่งเรืองครั้งล่าสุด Auroth คร่ำครวญอาลัยไว้ว่า \"เราต่างหลงลืม ว่าชีวิตมีค่ากว่าชัยชนะ หรืออำนาจเหนือศัตรูใด และเรายังจำต้องดำเนินชีวิตของพวกเรา ในการไล่ตามหาความเป็นศิลปินในตัวเรา\" นางได้เริ่มดำเนินการคณะสำรวจเพื่อค้นคว้า รวบรวมหนังสือมากมายเพื่อหาแรงบันดาลใจ แต่ว่าการค้นคว้าทั้งหมดนี้มักถูกกวนใจอยู่บ่อยครั้ง และนางก็ใช้เวลาในการประพันธ์น้อยเกินกว่าที่ควรจะเป็น แม้ว่านางจะทราบดีว่านางควรหลบซุ่มแต่ในถ้ำของนาง เขียนเพิ่มเติมในบทกวี นางกลับต้องหลวมตัวเข้าไปในการต่อสู้มหากาพย์กับศัตรูที่แข็งแกร่งทั้งหลาย นางได้บุกปล้นชิงปราสาท ฝ่าเข้าหอสมุดโบราณมากมาย... และแม้ว่านางจะกองสุมชัยชนะและความรุ่งโรจน์ของตนไว้ นางจะเกล่าบอกตนเองว่ามันเป็นเพียงผลกระทบจากการค้นคว้าของนางเท่านั้น ในความเป็นจริงก็คือทักษะและพลังของนางในสนามรบจะเป็นที่กล่าวถึงระดับตำนาน งานวิชาที่แสนตรากตรำของนางป่านนี้คงเป็นที่น่าสรรเสริญในวรรณกรรมไปแล้ว แต่นางก็ยังไม่พร้อมที่จะยอมรับเป็นตัวเอกชูโรงในนิยายตำนานวีรกรรม นางยังปราถนาที่จะเป็นผู้สร้างมันอีกด้วย" "npc_dota_hero_arc_warden_bio" "ก่อนเริ่มต้นของทั้งกาลนั้นมีจิตดวงหนึ่งมีชีวิตอยู่ เป็นจิตใจเริ่มแรกที่ขอบเขตไม่มีที่สิ้นสุด มีความน่ากลัว และมีจุดมุ่งหมายที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ เมื่อจักรวาลปรากฏตัวขึ้น จิตใจดวงนี้ก็ได้แตกและกระจายออก ชิ้นส่วนใหญ่สองชิ้นจากชิ้นส่วนหลักทั้งหลาย ได้รับการเรียกขานว่า Radiant และ Dire ค้นพบตัวตนว่าทั้งสองส่วนต่างติดอยู่ในฝั่งตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง และเริ่มบิดเบือนสิ่งที่สร้างขึ้นมาทั้งหมดเพื่อตอบสนองความขัดแย้งกันของทั้งสองฝ่าย

ในขณะที่สงครามและภัยพิบัติได้ก่อตัวขึ้นมาไม่นานและเป็นภัยคุกคามต่อจักรวาล ความมุ่งมั่นของชิ้นส่วนหลักที่สามได้ประกาศตัวตนออกมา ตั้งชื่อตนเองว่า Zet สติปัญญาตนนี้พยายามที่จะแก้ปัญหาความแตกแยกและทำให้ชิ้นส่วนทั้งหมดกลับมาเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยความกลัวในนิสัยความขัดแย้งของผู้ร่วมสืบสาย Zet จึงได้รวบรวมพลังทั้งหมดของตน ในช่วงเวลาฉับพลัน เขาก็ได้ครอบงำพี่น้องของเขา หลอมชิ้นส่วนที่มีความคิดขัดแย้งรวมเป็นดวงดาราทรงกลม และปล่อยพุ่งออกไปสู่ความมืดมิดไปโคจรรอบโลกดวงหนึ่ง ความเป็นหนึ่งเดียวกันจึงได้กลับมาอีกครั้ง แต่ความแข็งแกร่งของ Zet นั้นเหลือเพียงแค่เสี้ยวเดียว Zet จ้องมองไปยังดวงดาราเรือนจำดังกล่าว และเลือกที่จะบั่นทอนพลังของตนเพื่อเป็นผู้คุมเฝ้าจนกว่าจะสิ้นสุดของกาล แม้เวลาจะผ่านไปชั่วกัปชั่วกัลป์ ผู้คุมตนนี้ก็ยังคงเฝ้าอยู่ตลอด

ชีวิตในโลกข้างใต้ได้เติบโตขึ้นโดยไม่สนถึงภัยอันตรายที่ถูกพันธนาการไว้ในดวงจันทร์และไม่สนใจถึงความพยายามของ Zet ที่จะควบคุมมัน ในขณะที่เชลยที่ถูกขังไว้ในเรือนจำต่อสู้ภายในกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พื้นผิวของดวงดาราเริ่มสั่นสะเทือนและแตกออก ในท้ายที่สุด พลังของ Zet ที่เหลือน้อยนิดก็ไม่เพียงพอที่จะควบคุมการจองจำให้คงอยู่ได้อีกต่อไป และสุดท้ายดวงจันทร์จึงได้ถูกทำลาย นักโทษที่อยู่มาอย่างยาวนานได้หลบหนีออกมา และเริ่มรากฐานความขัดแย้งใหม่อีกครั้ง

Zet ถูกดีดตัวไปห่างไกลสุดขอบจากการระเบิดของเรือนจำ เขาถูกเปลี่ยนร่างโดยพลังงานความขัดแย้งของนักโทษในอดีต ความคิดและตัวตนหนึ่งเดียวของตัวเขาถูกฉีกออก ตัวตนของเขาถูกแบ่งเป็นชิ้นส่วนเล็กและใหญ่ แต่ละส่วนเชื่อมโยงกันด้วยริ้วแห่งความคิด เขาพยายามดิ้นรนเพื่อหยุดยั้งความแตกแยกของตัวเอง Zet มุ่งไปยัง​​ความขัดแย้งที่กำลังขยายตัวของผู้ร่วมสืบสาย และเบือนความรู้สึกนึกคิดให้ออกมาเป็นข้อสรุปเดียว: จิตใจเริ่มแรกทั้งหมดจะต้องถูกรวบรวมตัวกลับมาเป็นหนึ่งเดียว หรือจะต้องถูกทำลายทั้งหมดเพื่อไม่ให้ความขัดแย้งเติบใหญ่ไปมากกว่านี้..." "npc_dota_hero_monkey_king_bio" "เป็นเวลากว่า 500 ปีที่ภูเขาทับถมกายของเขาไว้ มีเพียงใบศีรษะที่หลุดพ้นออกมาจากคุก Stonewrought อันบีบแน่นที่เหล่าเทพโบราณได้สร้างขึ้นมาเพื่อสยบการขบถอันไร้เดียงสาของเขา มอสส์เติบโตตามเส้นใบหน้าของเขาที่ปรากฏออกมา ต้นหญ้างอกออกจากหูของเขา สายตาของเขาถูกบดบังด้วยดอกไม้ป่าที่สูงขึ้นจากผืนดินถึงบริเวณแก้มของเขา ผู้คนส่วนใหญ่คิดว่าเขาตายไปแล้ว ถูกทรมานโดยเหล่าเทพจากการอาละวาดแดนสวรรค์จนชีวิตดับสิ้น มีแต่เพียงแค่ตำนานของเขาที่ยังคงอยู่ แต่เรื่องราวยังคงดำเนินต่อ Monkey King นั้นไม่มีวันตาย

เขาจึงรอคอย จนกระทั่งเหล่าเทพได้เสนอโอกาสที่จะให้อภัยโทษที่เขาอดทน และเมื่อพวกเขามาเพื่อบอกให้ทำสิ่งที่แลกด้วยได้อย่างสมราคา ซุนหงอคงจึงตอบรับ: เขาจะยอมเป็นบริวารของพระถังซัมจั๋งในการเดินทางลึกลับ คอยปกป้องเขาจากมารและอันตรายจากท้องถนน และคอยนำทางไปยังบ้านของอาจารย์ผู้ครอบครองเขาด้วยรัดเกล้า ทำสิ่งนั้น และเชื่อฟังคำสั่งของมนุษย์เพื่อรับปฏิบัติตามภารกิจเพื่ออัญเชิญพระคัมภีร์ และหงอคงจะพิสูจน์ตนว่าเขากลับตัวแล้ว

ด้วยการเปลี่ยนตนเอง ซุนหงอคงได้สำเร็จตามที่เขาปฏิญาณไว้กับเหล่าเทพอย่างมีเกียรติ และชดใช้บาปที่เขาได้ทำลงไปในการกบฏในอดีต บริวารได้เรียนรู้ความยากลำบากมากมาย กลับไปยังวัดอันเป็นบ้านของเขา พร้อมกับกำไลข้อมือ และหงอคงพบว่าเป็นครั้งแรกที่ตัวเขาเองอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมไม่ว่าสำหรับเทพองค์ใดก็ตาม — นี่เป็นเนื้อเรื่องสั้น ๆ เพื่อเกริ่นนำการผจญภัยและเกียรติศักดิ์อันเลื่องชื่อเก่าแก่ของเขา แต่ก็แน่ล่ะ Monkey King นั้นกำเนิดมาเพื่อสร้างปัญหา... และเรื่องกล้ายกตนเสมอเหล่าเทพก็ไม่มีวันตกยุคอยู่แล้ว" "npc_dota_hero_dark_willow_bio" "เหล่าเด็กน้อยต่างชอบเรื่องเล่าเกี่ยวกับการผจญภัยอันแปลกประหลาดของพวกนางฟ้า... นั่นเป็นเพราะเด็ก ๆ ไม่รู้ว่านางฟ้าส่วนใหญ่เป็นพวกเลวจอมอาฆาตแค้น และในโลกของพวกนางฟ้าชั่วร้ายทั้งหลาย มีเพียงไม่กี่ชื่อที่น่ารังเกลียดมากกว่า Mireska Sunbreeze

Mireska เกิดลูกของเป็นภูติกษัตริย์พ่อค้าและเติบโตขึ้นมาใน Revtel ซึ่งเป็นอาณาจักรแสนโหดเหี้ยมที่การโกงและฆาตกรรมเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในขณะที่เธอค่อนข้างเชี่ยวชาญในด้านการทำตามระเบียบธรรมเนียมมารยาทและพิธีการทางสังคมทั้งหลายที่แทรกซึมเข้าไปในทุกส่วนของชีวิตของเธอ เธอก็พบว่าสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดมันน่าเบื่อมาก

ดังนั้น Mireska จึงทำในสิ่งที่เด็ก ๆ จอมกบฏส่วนใหญ่ทำ นั่นคือเผาทรัพย์สินครอบครัวของเธอ และออกเดินทางกับสัตว์เลี้ยงของเธอนามว่า Jex เพื่อใช้ชีวิตของคนเลวเร่ร่อน" "npc_dota_hero_pangolier_bio" "ทั้งชายและหญิงชาวเมือง Nivan Gallants ใช้ชีวิตอยู่ในการเล่นเพลงดาบเพดานสะเทือนและมีชีวิตโรแมนติคอันโอ่อ่า และในขณะที่ทุกคนยึดมั่นในหลักความเชื่อว่า “ชีวิตแห่งการผจญภัยเท่านั้นที่เป็นชีวิตที่คุ้มค่า” ความสามารถของ Donté Panlin นั้นยังสามารถทำให้เหล่านักดาบที่แม้เจ้าสำราญที่สุดยังต้องตะลึง

ไม่มีสัตว์ประหลาดตนไหนที่เขาจะไม่สังหาร ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่เขาจะไม่แทะโลม ไม่มีทรราชใดเขาจะไม่ต่อต้าน และไม่มีผู้ดีคนไหนจะมีภูมิคุ้มกันต่อลิ้นทองของเขา" "npc_dota_hero_mars_bio" "Mars บุตรหัวปีแห่งสรวงสวรรค์ ผู้ดำรงอยู่อย่างยาวนานด้วยการทำสงครามไม่รู้จบสิ้น และได้ประจักษ์นักรบนับไม่ถ้วนที่เข้าสู่สงครามภายใต้ธงรบในนามเก่าของเขา สงครามที่เกิดขึ้นเพื่อพิชิตและล้างแค้นพยาบาท ทั้งยุติธรรมและอยุติธรรม... ซึ่งต่างก็โหดร้ายเสมอ เช่นเดียวกับบิดาของเขา Mars ทำตามใจตนเองด้วยอารมณ์ความปรารถนาที่โหดร้ายเสียยิ่งกว่าของ Zeus และเขาได้สร้างความทุกข์ทรมานต่าง ๆ เกินกว่าบรรยายได้

แต่เมื่อช่วงวันเวลาแห่งสงครามผ่านพ้นไป แม้บิดาผู้เห็นแก่ตัวของเขาหรือหมู่เหล่าเทพเจ้ามากมายจะตีตราหน้าเขาว่าชั่วช้า ทุกอย่างก็เริ่มฟังดูว่างเปล่า สงครามทั่วไปไม่อาจตอบสนองความปรารถนาของเขาได้อีกต่อไป นับเป็นครั้งแรกในอมตะกาลที่เทพเจ้าแห่งสงครามเริ่มตั้งคำถามว่าเขาเหวี่ยงหอกอันยิ่งใหญ่ไปเพื่อสิ่งใด

เพราะว่าโชคชะตานั้นได้กำหนดไว้แล้ว วิธีแก้ปัญหาง่ายๆ ของเขาก็คือ เขาต้องทำสงครามเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น และปลุกปั่นให้เกิดขึ้นมากกว่าเพียงแค่ความโหดเหี้ยมและความเศร้าโศกเมื่อได้เห็นโฉมหน้าของเขา เขาต้องวางแผนชิงสิทธิแห่งผู้นำดังนามบุตรหัวปี ถึงเวลาที่จะเผาทำลายวิหารเทพเจ้าโบราณให้สิ้นซาก และสร้างอาณาจักรใหม่ขึ้นบนกองเถ้ากระดูกของเทพเจ้าเดิม เมื่อนั้นเขาจึงจะพบกับความพึงพอใจ และทำให้เกียรติยศของ Mars ปรากฏชัดแก่ทุกคน" "npc_dota_hero_snapfire_bio" "Beatrix Snapfire และ Mortimer คางคกมังกรของเธอเป็นที่ต้อนรับของชนเผ่ารุ่งริ่งที่อาศัยอยู่ตามเส้นทางการค้าทางทะเลทรายและโอเอซิสที่กระจายอยู่ทั่ว Nanarak ซึ่งเป็นประตูสู่ดินแดนแล้งฝน

เป็นที่รู้กันดีว่าไม่มีผู้ใดเทียบกับเธอได้ในเรื่องทักษะช่างทำอาวุธ ในการแจกจ่ายภูมิปัญญา ความเริงร่า และ Firesnap Cookie ที่ใจร้ายที่สุดเท่าที่โลกเคยได้เห็น Beadie รอดชีวิตมาได้จนถึงวัยชราในเส้นทางการค้าขายของเผ่าคีนวัยหนุ่มด้วยการใช้ปัญญาไหวพริบอย่างรวดเร็วและเร็วยิ่งกว่าด้วยปืนของเธอ

แน่นอนว่า Outland แดนต่างถิ่นเต็มไปด้วยกระดูกของพวกโจรและคนที่ไม่เคยทำดีที่คิดจะแสวงหาผลประโยชน์จากรูปร่างเล็กและนิสัยใจดีของเธอ" "npc_dota_hero_dawnbreaker_bio" "ในเวลาชั่วนิจนิรันดรหลังการอพยพของ 'ผู้พิทักษ์' ก่อกำเนิดเป็นยุคแห่งแสงสว่าง ส่วนหนึ่งท่ามกลางเชื้อสายปฐมอาทิตย์เริ่มจัดระเบียบความโกลาหลที่ผู้สร้างสรรค์บรรพบุรุษของพวกเขาทิ้งไว้ต่างหน้า พวกเขาเรียกตัวเองว่า 'บุตรแห่งแสง' พวกเขามองว่าไม่มีใครมีค่าพอที่จะรับเสื้อคลุมที่ 'ผู้พิทักษ์' ได้ทิ้งไว้ และพวกเขาก็ปรารถนาที่จะเอาชนะการบุกรุกจากความมืดมิด สร้างกองทัพอันรุ่งโรจน์ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อกวาดล้างจักรวาลของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในราตรีดึกดำบรรพ์

Valora นักรบ Dawnbreaker ผู้ทรงคุณค่ามากที่สุดในบรรดาการสร้างสรรค์ครั้งโบราณกาลของ 'บุตรแห่งแสง' คือผู้ประกาศความสง่างามแห่งความเป็นระเบียบและแสงสว่างที่กำลังโชติช่วง Valora ถูกสร้างขึ้นจากใจกลางของดาวโลหะอายุน้อย และระบายลมปราณทองคำเพื่อสร้างชีวิตใหม่ เธอได้รับการทรงเรียกให้เผยแพร่ประกายแสงแห่งปัญญาของ 'บุตรแห่งแสง' ไปยังจุดที่มืดมิดที่สุดของจักรวาล — การกวัดแกว่งค้อนฟ้าสวรรค์ของเธอแต่ละครั้งช่วยจุดประกายไฟให้กับสรวงสวรรค์ท่ามกลางการต่อสู้อันไร้จุดสิ้นสุดเพื่อหลุดพ้นจากความโกลาหล

ในเวลานั้น 'บุตรแห่งแสง' ยังเผยเป้าประสงค์อื่นสำหรับ Dawnbreaker พวกเขาได้ค้นพบวิธีการซึมซ่านพลังจักรวาลทั้งหมดด้วยแสงสว่างจากภายในของพวกเขาเอง —เพื่อลบล้างความมืดมิดทั้งหมดทั้งปวงไปตลอดกาล — และพวกเขาได้ส่ง Valora เข้าครอบครองแหล่งมหาพลังอันยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายแห่งแผนการอันติมะ แต่เป็นครั้งแรกที่ Valora และค้อนของเธอต้องพบกับความล้มเหลว และราคาที่เธอและนายของเธอจ่ายไปนั้นมากมายมหาศาล ประกายไฟของ 'บุตรแห่งแสง' ถูกดับลงอย่างสิ้นเชิง และ Dawnbreaker ถูกทิ้งให้เคว้งคว้างในห้วงมืดมิด สาบสูญไปเนิ่นนานหลายพันปีก่อนที่จะตกลงไปยังโลกที่ไม่คุ้นเคย

ที่นั่นเธอหยุดพักอย่างสงบ จนกระทั่งการปรากฏขึ้นของดาวพเนจรอายุน้อยได้เติมเชื้อเพลิงให้กับการหลอมจากพลังงานโบราณ — ของตกทอดจาก 'บุตรแห่งแสง' เช่นเดียวกับเธอ ถูกฝังมาเนิ่นนานหลายยุคสมัยภายใต้ดินแดงอันเวิ้งว้าง บัดนี้ ด้วยพลังเพียงเล็กน้อยในอดีตของเธอที่ได้รับการฟื้นฟูจากการหลอมพลังงาน Valora ตื่นขึ้นมาในดินแดนที่รุมเร้าด้วยสงครามและพลังแห่งความโกลาหลที่ไม่หยุดหย่อน เธอรู้ว่าพระเจ้าของเธออาจจะจากไป แต่ค้อนอันหนักอึ้งของ Dawnbreaker ยังคงอยู่ — ค้อนนี้อยู่คู่กับความมุ่งมั่นของเธอเท่านั้นที่จะใช้มันอย่างยุติธรรมในนามของความดีงามและแสงสว่าง" "npc_dota_hero_marci_bio" "มีเพียงเหล่าบุคคลไร้นามไม่กี่คนเท่านั้นที่ทราบต้นกำเนิดของ Marci สาวเนื้อหอมซึ่งใช้เวลาส่วนใหญ่ท่องเที่ยวไปพร้อมกับเจ้าหญิง Mirana แต่กระนั้นรากฐานของมิตรภาพระหว่างพวกเธอถูกเก็บไว้เป็นความลับและไม่จำเป็นต้องเปิดเผย สำหรับเหล่ามิตรสหาย เธอถือว่าเป็นเพื่อนร่วมเดินทางที่แกร่งกล้าและซื่อสัตย์ แต่สำหรับศัตรูแล้ว เธอพร้อมป้องปรามอย่างไม่เกรงกลัวต่อใครก็ตามที่มาทำอันตรายเพื่อนของเธอ แม้ศัตรูที่โง่เขลาอาจมองเธอเป็นแค่ตัวกะจ้อยร่อย แต่ Marci มีพลังอยู่ภายในที่ทำให้หมัดของเธอรุนแรงยิ่งยวด เธอจะทำลายล้างใครก็ตามที่มาลองดี แต่สำหรับผู้ที่พิสูจน์ตนต่อเธอแล้วจะได้มีเพื่อนคู่ใจที่เชื่อถือได้ไปตลอดชีวิต" "npc_dota_hero_primal_beast_bio" "แม้การเสื่อมโทรมของ Mistwood จะแปรเปลี่ยนวิวัฒนาการจากพื้นที่กว้างใหญ่อันแสนงดงามกลายเป็นป่ามรณะอย่างช้า ๆ ด้วยผลงานของผู้มีเวทมนตร์ ผู้รอบรู้ส่วนใหญ่ต่างเห็นพ้องกันว่าจุดเริ่มต้นของจุดจบที่แท้จริงนั้นเกิดจากการมาของสัตว์ร้ายจากต่างมิติ

ฟักออกมาสู่การดำรงอยู่โดยปราศจากความรู้สึกทั้งปวง มีเพียงความหิวโหยและความเจ็บปวดเท่านั้น การสังหารชั่วกัปชั่วกัลป์ได้หล่อหลอม Primal Beast ให้กลายเป็นยอดนักล่าบนดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยความรุนแรงแสนน่าสะพรึง เจ้าสัตว์ร้ายถูกเนรเทศสิ้นท่าโดยผู้ล้มเหลวในการควบคุมหวังเป็นเจ้านาย ถูกขับไล่ไปอยู่ในโลกใหม่ — โลกที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตอ่อนแอที่ง่วนอยู่กับปรปักษ์ — ที่ซึ่งทำให้เจ้าสัตว์ร้ายเปลี่ยนจากนักล่าผู้หิวโหยกลายเป็นเครื่องจักรสังหารรุกรานที่ไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งได้

เป็นเวลาเนิ่นนานหลายพันปีแล้ว ทราบกันดีอย่างไร้ข้อกังขาว่า Mistwood นั้นเปรียบเสมือนสนามเด็กเล่นให้เจ้าสัตว์ร้ายย่ำยี — จวบจนกระทั่งเจ้าตัวจิ๋วน่ารำคาญใช้เล่ห์เพทุบายเพื่อจับเจ้าสัตว์ร้ายที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้ไว้ใน Gleipnir

เจ้าสัตว์ร้ายคงจะสิ้นฤทธิ์อยู่ในนั้นชั่วนิรันดร หากไม่ใช่เป็นเพราะพลังที่คาดเดาไม่ได้ของเครื่องข้ามมิติ บัดนี้เจ้าสัตว์ร้ายเป็นอิสระจากทั้ง Gleipnir และอุโมงค์ห้วงเวลาแล้ว ห่างไกลจาก Mistwood และใกล้ชิดกับดินแดนที่มีผู้อาศัยอยู่มากขึ้น เจ้าสัตว์ร้ายมุ่งหน้าไปสู่การเข่นฆ่าครั้งใหม่เพื่อความสุขจากการทำลายล้างอย่างป่าเถื่อน — แสงแห่งอารยธรรมไม่สามารถทำสิ่งใดเพื่อหยุดยั้งเจ้าสัตว์ร้ายได้เลย" "npc_dota_hero_muerta_bio" "เรื่องราวเกี่ยวกับ Muerta มีมากมายหลากหลายเทียบดั่งจำนวนหลุมศพในทุ่งสุสานแห่งกอร์ม บางคนก็เล่านิทานให้ลูกหลานฟังถึงตำนานภูตหญิงสาวชนบทผู้ฟื้นจากความตายมาล้างแค้นเหล่าโจรที่ฆ่าครอบครัวของเธอ ส่วนบางคนก็เมาพล่ามในโรงเหล้าเกี่ยวกับทฤษฎีสมคบคิดเรื่องการลักพาตัวและกลุ่มนักฆ่าภูตผี

แต่ทุกเรื่องย่อมมีตัวแปรหนึ่งปรากฏเสมอ เกี่ยวกับหญิงผู้เปี่ยมด้วยความเกลียดชังต่อผู้สังหารคนที่เธอรักขนาดถึงกับปฏิเสธความตาย และยมทูตที่ประทับใจในความเคียดแค้นที่ขับเคลื่อนเธอและมอบปืนพกคู่แห่งวิญญาณ Mercy และ Grace พร้อมกับให้เธอมาเป็นผู้ช่วยของเขา ซึ่งตอนนี้เธอจะล่าวิญญาณระหว่างขอบพิภพที่เวลาชีวิตได้หมดลง และฉุดรั้งพวกมันนำพาเพื่อรับรางวัลนิจนิรันดร" "npc_dota_hero_ringmaster_bio" "กราบสวัสดีและยินดีต้อนรับทุกท่าน — เข้าสู่การแสดงเวทีแห่งยุคสมัยสุดอลังการ! เตรียมตัวรับมือการทำลายล้างทุกประสาทสัมผัส! ทะลุเกินทุกความคาดหมาย! และทลายสิ้นซึ่ง Ancient ของทุกคน!

พบกับกลมายาอาจหาญน่าเหลือเชื่อของหุ่นกลมหัศจรรย์เพียงหนึ่งเดียว นามว่า Cogliostro Kettle สุดยิ่งใหญ่ — ในตำแหน่ง Ringmaster ผู้เชี่ยวชาญด้านการทรมาน และอัจฉริยะแห่งยุคของเขา — ซึ่งจะพร้อมนำพาความทุกข์ทรมานและความบันเทิงแก่ฮีโร่ใดก็ตามที่กล้าพอจะชะโงกผ่านม่านคาร์นิวัลสีเลือด และมองดูสิ่งเร้นลับที่รออยู่ข้างใน

ความผิดพลาดที่ผู้กำกับการแสดงส่วนใหญ่มักทำกันก็คือการรอให้ผู้คนเข้ามาหา แต่ Ringmaster รู้ดีว่าจะต้องออกไปหาผู้ชมเอง! แล้วลากพวกเขาเข้ามา และบังคับให้พวกเขาต้องรับชม" "npc_dota_hero_kez_bio" "\"ข้าถือกำเนิดมาพร้อมค่าหัว ยิ่งข้าก่อเรื่องวุ่นวายมากเท่าไร เงินรางวัลค่าหัวของข้าก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น ทุกครั้งที่ราชินีอิมพีเรียเพิ่มค่าหัวของข้า นั่นแสดงว่าข้าต้องทำอะไรสักอย่างถูกต้อง สิ่งที่แย่ที่สุดคือการที่ข้าต้องหายไปใช้เวลาในไอซ์แร็กนานมาก... ข้าต้องหาทางเพิ่มค่าหัวของข้าเองให้สมน้ำสมเนื้อสักหน่อย\"" } }